ดีอย่างไร? หากนำรถเข้าเช็คระยะตามกำหนด

ดีอย่างไร? หากนำรถเข้าเช็คระยะตามกำหนด

22/08/2022

   การเช็คระยะตามกำหนดเป็นการบำรุงรักษารถยนต์อย่างหนึ่งที่คนรักรถอย่างเราต้องใส่ใจนะครับ ยิ่งถ้าหากใช้รถทุกวันยิ่งต้องดูแลเป็นประจำ เพราะหากปล่อยละเลยไปจะส่งผลเสียต่อตัวรถยนต์ได้ครับ การเช็คระยะจะเป็นการตรวจสอบสภาพรถยนต์ที่มากกว่าการที่เราตรวจสอบเองอย่างเช่น ตรวจสอบลมยาง ตรวจเช็คแบตเตอรี่ หรือการเช็คความสว่างของไฟ

   สำหรับช่วงที่จะต้องนำเข้าเช็คระยะสามารถแบ่งได้ 2 ช่วงก็คือ

  1. นับจากระยะเวลา (เริ่มนับตั้งแต่วันที่ออกรถ)
  2. ดูจากระยะทาง (เลขไมล์ที่วิ่งใช้งานไป)

 

   และถ้าหากได้มีการใช้รถน้อยก็จะคิดจากระยะเวลา แต่ถ้าใช้รถอยู่เป็นประจำก็ให้คิดตามระยะทางที่ใช้งานครับ ซึ่งการเช็คระยะรถยนต์ในแต่ละครั้งนั้นจะทำการตรวจสอบและปรับเปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและสมบูรณ์ โดยสิ่งที่ต้องตรวจสอบมีดังนี้ครับ

 

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

   ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่จะต้องทำในการตรวจเช็คระยะในแต่ละครั้ง ซึ่งการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตรงตามกำหนดจะช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ลดการสึกหรอและช่วยหล่อลื่นการทำงานของชิ้นส่วนต่างๆ ได้ทำงานได้อย่างดีนั่นเองครับ

 

เช็คไส้กรอง

   การตรวจสอบสภาพไส้กรองไม่ว่าจะเป็นไส้กรองอากาศ กรองอากาศแอร์ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยในรถยนต์แต่ละรุ่นจะมีเวลาที่ไม่เท่ากัน แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแล้วจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

 

ตรวจสอบระดับของเหลว

   ระดับของเหลวที่อยู่ในระบบของเครื่องยนต์นั้นควรจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ควรมากหรือน้อยจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำยาหม้อน้ำ น้ำยาฉีดกระจก

 

ยางปัดน้ำฝน

   สำหรับยางปัดน้ำฝนก็ควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน เพราะเมื่อเวลาที่จะต้องใช้งาน ใบยางที่ก้านนั้นจะต้องรีดน้ำบนกระจกได้อย่างสะอาด เพราะถ้าชำรุดจะทำให้รีดน้ำได้ไม่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นของผู้ขับขี่ครับ

 

ระบบไฟส่องสว่าง

   ตรวจเช็คว่าระบบไฟส่องสว่างอยู่ในสถานะที่พร้อมใช้งานหรือไม่ เพราะการทำงานของสัญญาณไฟต่างๆ ถ้ามีความพร้อมจะทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

สายพานของเครื่องยนต์

   สายพานจะต้องไม่หย่อนหรือยานจนเกินไป ควรตึงอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะถ้าหากหย่อนหรือยานแล้วยังฝืนใช้งานต่อไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดอันตรายได้นะครับ

 

ระบบเบรก

ตรวจสอบสภาพและความหนาของผ้าเบรกว่าใกล้หมดอายุหรือไม่ ในการตรวจอบนั่นผ้าเบรกควร   เปลี่ยนเมื่อความหนาของผ้าเบรกอยู่ที่ 3 มิลลิเมตรหรือต่ำกว่านั้น นอกจากนี้จะต้องตรวจสอบรอยรั่วซึมของท่อทางน้ำมันเบรก ชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงสภาพของจานเบรกว่ามีรอยสึกหรอหรือไม่

 

ยางรถยนต์

   สำหรับยางรถยนต์จะต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยจะต้องมีความลึกของร่องดอกยางมากกว่า 3 มม. เนื้อยางจะต้องไม่มีร่องรอยของการฉีกขาด และควรปรับแรงดันลมยางตามมาตรฐานกำหนด

 

สลับยางและถ่วงล้อ

   ในการสลับยางจะต้องสลับยางจากด้านหน้าไปไว้ด้านหลัง เพราะปรับความสมดุลของล้อและยางด้วยการถ่วง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางให้นานมากยิ่งขึ้น การสึกหรอจากการใช้งานจะมีความสม่ำเสมอ

 

ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว

   โดยทางศูนย์บริการจะทำการตรวจสอบการรั่วซึมของระบบช่วงล่าง ทั้งในส่วนของโช้คอัพ ลูกหมาก ลูกปืนล้อ ยางหุ้มเพลา

 

   การตรวจเช็คระยะรถยนต์จะมีคู่มือกำกับเอาไว้ว่าเมื่อไหร่ที่จะต้องนำรถไปตรวจสภาพ และในการเช็คระยะรถยนต์ในแต่ละช่วงจะต้องเปลี่ยนอะไรบ้างนั่นมาดูกันเลยครับ

  • ระยะเวลาประมาณ 1-6 เดือน หรือทุกๆ 5,000 กิโลเมตร จะมีการเช็คเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองพร้อมกับตรวจเช็คยางรถยนต์ ระบบจานเบรกและผ้าเบรก
  • ระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือน หรือทุกๆ 10,000 กิโลเมตร จะมีการตรวจเช็คเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรอง การสลับยางรถยนต์พร้อมถ่วงล้อ พร้อมกับตรวจสอบความเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน และที่ฉีดน้ำยาล้างกระจก ตรวจเช็คระบบเบรก ระบบคลัตช์ พร้อมตรวจดูการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัตช์ ระบบช่วงล่างทั้งโช้คอัพหน้า-หลัง
  • ระยะเวลาประมาณ 12-24 เดือน หรือทุกๆ 20,000 กิโลเมตร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองและน้ำมันเกียร์ พร้อมดูความตึงและหย่อนของสายพานขับและสายพานเครื่องยนต์ เช็คระบบช่วงล่างไล่มาตั้งแต่ระบบบังคับเลี้ยว ระบบคันชัก-คันส่ง ลูกหมาก
  • ระยะเวลาประมาณ 24-36 เดือน หรือทุกๆ 40,000 กิโลเมตร  จะมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก น้ำมันคลัตช์ น้ำมันพวงมาลัย น้ำมันเกียร์ออโต้ และน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ รวมทั้งจะมีการเปลี่ยนสายพานขับปั๊ม สายพานแอร์ และใบปัดน้ำฝน
  • ระยะไม่เกิน 36 เดือน หรือ 60,000 กิโลเมตร เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง อุปกรณ์บางอย่างก็เริ่มจะถึงกำหนดที่จะต้องเปลี่ยนใหม่แล้วนั่นเองครับ เพราะด้วยการใช้งานที่ผ่านมาหลายปี และสิ่งที่ต้องเช็คก็คือ แบตเตอรี่ ซึ่งการเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการใช้งานและวิธีการขับรถของเราครับ ทั่วไปแล้วแบตเตอรี่จะสามารถใช้งานได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง – 2 ปี
  • ระยะไม่เกิน 60 เดือน หรือ 100,000 กิโลเมตรขึ้นไป ด้วยระยะทางถือว่าได้ผ่านการใช้งานที่มากพอสมควร อะไหล่ชิ้นส่วนๆ ย่อมมีการสึกหรอชำรุดไป และสิ่งที่จำเป็นต้องเช็คมากที่สุดก็คือ ยางรถยนต์ ปกติแล้วเฉลี่ยการใช้งานของยางล้อจะอยู่ที่ 70,000-100,000 กิโลเมตร ควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่เกือบยกชุด พร้อมกับตรวจเช็คและระบบของเหลวในรถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงานของหม้อน้ำทั้งระบบ ท่อยางหม้อน้ำบน-ล่าง รวมถึงเปลี่ยนสายหัวเทียน เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบที่เกี่ยวข้องกับหม้อน้ำ

   การตรวจเช็คระยะรถยนต์ตามกำหนดสำคัญมากเลยนะครับ เป็นเรื่องที่ผู้ใช้รถทุกท่านควรใส่ใจและไม่ควรปล่อยละเลยไป เพราะถ้าหากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจจะต้องจ่ายแพงมากกว่าเดิมนั่นเอง

   หากต้องการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการที่ ยูไนเต็ด ฮอนด้า Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ


THE ACCORD e:HEV

เริ่มต้น 1,639,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 17,000 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

รถชนแบบนี้ใครผิด? เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถใหญ่กับรถเล็ก รถใหญ่ผิดเสมอจริงหรือ

รถชนแบบนี้ใครผิด? เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถใหญ่กับรถเล็ก รถใหญ่ผิดเสมอจริงหรือ

26/05/2023

รถชนกันทีไร “รถใหญ่ผิดเสมอ” คำนี้มักได้ยินจนติดหูกันเลยใช่ไหมล่ะครับ และบางคนก็เชื่อแบบนั้นด้วยว่าหากเกิดเหตุการณ์รถยนต์กับมอเตอร์ไซค์ชนกัน แบบนี้รถใหญ่จะต้องเป็นฝ่ายผิดอย่างแน่นอน “รถใหญ่กว่าไม่ได้แปลว่าต้องผิดทุกกรณี เพราะไม่ว่าจะรถเล็กหรือรถใหญ่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรทางบกเหมือนกัน”

อ่านต่อ
แบตเตอรี่สำคัญขนาดไหน! วิธีเซฟให้ใช้แบตเตอรี่ได้นานกว่าเดิม

แบตเตอรี่สำคัญขนาดไหน! วิธีเซฟให้ใช้แบตเตอรี่ได้นานกว่าเดิม

24/05/2023

แบตเตอรี่ที่รถยนต์ทุกคันต้องมีโดยแบตเตอรี่นั้นจะมีอายุการใช้งานที่จำกัดอยู่แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปความสามารถในการกักเก็บไฟเพื่อสตาร์ทรถก็จะค่อยๆ หายไป ซึ่งโดยปกติแล้วการใช้งานของแบตเตอรี่จะอยู่ประมาณ 24 เดือน  และอายุการใช้งานจะน้อยหรือมากกว่านี้ก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยของรถแต่ละคันอย่างเช่น อุณหภูมิของสถานที่เก็บรถร้อนหรือเย็น ระยะทางของการใช้รถ และการทำงานของเครื่องยนต์ของรถแต่ละคัน และสำหรับการที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้นจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ

อ่านต่อ
ความแตกต่าง! เติมลมแบบไนโตรเจน VS เติมลมธรรมดา และข้อดีของการเติมลมแต่ละแบบเป็นอย่างไร

ความแตกต่าง! เติมลมแบบไนโตรเจน VS เติมลมธรรมดา และข้อดีของการเติมลมแต่ละแบบเป็นอย่างไร

17/05/2023

สำหรับความแตกต่างเติมลมแบบไนโตรเจน และเติมลมแบบธรรมดา หลายท่านอาจมีความสงสัยหรือไม่เข้าใจว่าแตกต่างกันอย่างไร และข้อดีของแต่ละแบบเป็นอย่างไร รวมถึงรถของท่านนั้นควรเติมลมแบบไหนถึงจะดีต่อรถยนต์ของท่าน ซึ่งคำถามเกี่ยวกับการเติมลมนี้ยังเป็นคำถามยอดนิยมอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถยนต์มือใหม่นั่นเอง

อ่านต่อ