9 วิธีแก้ปวดหลัง เวลาขับรถเดินทางไกลเวลานานๆ

9 วิธีแก้ปวดหลัง เวลาขับรถเดินทางไกลเวลานานๆ

22/04/2021

   ผู้ที่ต้องเดินทางไกลๆ เป็นเวลานาน หรืออาจเจอการจราจรที่ติดขัดทำให้ต้องอยู่บนรถเป็นเวลาหลายชั่วโมง นอกจากมีอาการที่เพลียกับการขับรถแล้วยังมีอาการปวดเมื่อยตัวด้วยใช่ไหมครับ ซึ่งอาการปวดเมื่อยตัวหรือปวดหลังเกิดจากการนั่งทางที่ไม่เหมาะสม ทั้งอาจจะนั่งชิดหรือห่างจากพวกมาลัยจนเกินไป นอกจากมีอาการปวดแล้วยังทำให้หลังของเรานั้นมีลักษณะที่โค้งงอ ถ้าหากไม่ปรับเปลี่ยนถ้านั่งให้ถูกต้องอาจมีผลกระทบต่อการขับรถได้นะครับ รวมถึงผลเสียต่อสุขภาพของผู้ขับขี่อีกด้วยนะครับ 

 

สำหรับวิธีการแก้ปวดหลังก็ง่ายๆ เลยครับ

  1. นั่งให้ชิดเบาะ เวลานั่งให้แผ่นหลัง สะโพก และต้นขา ชิดเบาะมากที่สุด เพื่อให้เบาะโอบรับสรีระของร่างกายให้มากที่สุด
  2. ปรับระยะห่างที่นั่ง ระยะที่เหมาะสมคือระยะที่เข่าของคุณจะงอเล็กน้อยเวลาเหยียบเบรกจนสุด นอกจากจะทำให้เหยียบเบรกหรือคันเร่งได้อย่างเต็มที่แล้ว ยังช่วยลดการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุชนกับรถคันข้างหน้าอีกด้วยนะครับ
  3. ปรับความสูงของที่นั่ง เพื่อให้ได้ทัศนะวิสัยที่ดี มองเห็นได้รอบรถและมองเห็นกระจกแต่ละส่วนได้ชัดเจน ซึ่งการปรับกระจกทั้ง 3 บาน เพื่อให้เห็นทัศนวิสัยโดยบานกลางจะต้องเห็นด้านท้ายของรถ ส่วนบานด้านซ้ายและขวาต้องให้เห็นตัวรถ 1 ส่วน 4
  4. ปรับเบาะที่นั่งเงยขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้สามารถเหยียบคันเร่งหรือเบรกได้ง่ายขึ้นและให้เบาะนั่งรับกับต้นขาได้ดีขึ้น
  5. ปรับพนักพิงให้เอนประมาณ 110 องศา เพื่อสร้างระยะห่างจากพวกมาลัยที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น
  6. ปรับเบาะรองศีรษะให้ตรงกับระดับใบหูของผู้ขับหรือกึ่งกลางของใบหู และระยะห่างระหว่างศีรษะกับเบาะรองศีรษะควรอยู่ที่ประมาณ 2 เซนติเมตร
  7. ตำแหน่งการจับพวงมาลัยจับพวงมาลัยที่ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา เพราะเป็นตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับหัวไหล่ เพื่อลดอาการเมื่อยไหล่ และยังทำให้หมุนพวกมาลัยได้ง่าย ไม่หลุดมือครับ
  8. ปรับมุมพวงมาลัยให้อยู่ในองศาที่เมื่อจับพวงมาลัยแล้วรู้สึกถนัดมากที่สุด ไม่รู้สึกว่าต้องเอื้อม หรือเกร็งไหล่นั่นเองครับ
  9. ระยะพวงมาลัย ยืดแขนไปพาดอยู่บนพวกมาลัย แล้วปรับให้ระยะของพวงมาลัยอยู่ระยะของข้อมือของเรา โดยที่ตัวยังแนบอยู่กับที่นั่ง เมื่อปรับได้ระยะที่ถูกต้องแล้ว แขนของเราจะงอเล็กน้อยเวลาจับพวกมาลัย ซึ่งทำให้ง่ายต่อการควบคุม

 

   เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการที่เรื้อรัง และไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่อยากให้เกิดจะต้องปรับเปลี่ยนท่านั่งให้ถูกต้องนะครับ

   หากสนใจรถยนต์ฮอนด้าสามารถติดต่อได้ที่ Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ


NEW HONDA CITY e:HEV

เริ่มต้น 729,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 7,400 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

คนมีรถต้องรู้! อยากเคลมเร็ว เคลมผ่านในครั้งเดียว รวมวิธีเคลมประกันให้เร็วแล้วไม่โดนเทโดยไม่ต้องง้อใคร

คนมีรถต้องรู้! อยากเคลมเร็ว เคลมผ่านในครั้งเดียว รวมวิธีเคลมประกันให้เร็วแล้วไม่โดนเทโดยไม่ต้องง้อใคร

18/06/2025

การมีรถยนต์ส่วนตัวสักคันหนึ่ง นอกจากเรื่องของการขับขี่ที่ปลอดภัยแล้วสิ่งที่เจ้าของรถทุกท่านต้องรู้เลยก็คือ วิธีเคลมประกันภัยรถยนต์ ให้เร็วและไม่โดนเทจากบริษัทประกัน เพราะในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ ความรวดเร็วและความเข้าใจในขั้นตอนการเคลมเป็นสิ่งที่จะช่วยให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้นั่นเองครับ

อ่านต่อ
รู้ไว้ก่อนพัง! ผลเสียของการไม่เช็กผ้าเบรก รถพัง เบรกไม่อยู่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่ารอให้สายเกินไป

รู้ไว้ก่อนพัง! ผลเสียของการไม่เช็กผ้าเบรก รถพัง เบรกไม่อยู่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่ารอให้สายเกินไป

17/06/2025

อีกหนึ่งระบบในความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดของรถยนต์ แต่หลายท่านมักจะมองข้ามไปหรือรอจนเกิดปัญหาแล้วค่อยมาแก้ไขทีหลังเมื่อสายไปแล้ว ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยทั้งของตัวเราและเพื่อนร่วมทางควรทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยครับ

อ่านต่อ
ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้หรือไม่? ข้อดี-ข้อเสีย ที่เจ้าของรถต้องรู้

ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้หรือไม่? ข้อดี-ข้อเสีย ที่เจ้าของรถต้องรู้

14/06/2025

ข้อเท็จจริงที่คนมีรถต้องรู้ ก่อนที่จะตัดสินใจไม่ซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 การมีรถยนต์ส่วนตัวในยุคนี้แทบจะกลายเป็นปัจจัย 5 ของชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความสะดวกสบายของตัวเราเองทั้งในการเดินทาง ช่วยประหยัดเวลา ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่คำถามที่ตามมาสำหรับเจ้าของรถก็คือ จำเป็นต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือไม่? ยิ่งในปัจจัยนี้ที่ต้องประหยัดทุกบาททุกสตางค์ สำหรับคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งข้อดีและข้อเสีย และสิ่งที่ควรพิจราณก่อนตัดสินใจมีอะไรบ้าง แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แต่กฎหมายบังคับเฉพาะ พ.ร.บ. เท่านั้น แต่การตัดสินใจทำหรือไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับบความเสี่ยงและความพร้อมในการรับผิดชอบของเจ้าของรถนั่นเองครับ

อ่านต่อ
Uto