จะดีแค่ไหน? ถ้ามีระบบที่เพิ่มความสะดวกสบาย LCDN ในรถยนต์ New City Hatchback

จะดีแค่ไหน? ถ้ามีระบบที่เพิ่มความสะดวกสบาย LCDN ในรถยนต์ New City Hatchback

17/04/2024

   เพียงเสี้ยววินาทีก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ แต่จะดีแค่ไหนหากมีระบบที่ช่วยป้องกันให้ชีวิตเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าจะรอเซนส์ของแต่ละคนก็คงไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญในการใช้รถใช้ถนนจะต้องตระหนักถึงความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้ขับขี่อีกรวมไปถึงเพื่อนร่วมทาง ฉะนั้นเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์สักคัน

 

Honda SENSING

   สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ได้รับการพัฒนาโดยเริ่มจากการใช้ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น โดยติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้า เลเจนด์ และในประเทศไทยได้รับการติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2559 นับได้ว่าเป็นการยกระดับเทคโนโลยีความปลอดภัยของตลาดรถยนต์ในกลุ่มของรถครอบครัว

   การทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยนี้จะผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนนแล้วถึงจะแจ้งเตือนไปยังผู้ขับขี่ พร้อมทั้งยังช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่จะเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

   ปัจจุบันเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในรุ่นของ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่! มีทั้งหมด 6 ระบบด้วยกัน

  • ะบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System : CMBS) ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System : LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ รุ่นระบบฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อมกับหลังคาสีดำทูโทน ปรับโฉมใหม่เท่มาก คลิก

  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam : AHB) ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทาง หรือรถยนต์ด้านหน้า
  • ะบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อม ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow : ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง (ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำมีเฉพาะรุ่น e:HEV RS และ e:HEV SV)
  • ใหม่! ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System : LCDN) ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า

 

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่

รุ่น VTEC TURBO อัปเกรดความปลอดภัยอีกขั้นกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย คลิก

   สำหรับระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ เป็นระบบที่ช่วยเสริมความปลอดภัยขณะขับขี่ป้องกันการชนท้ายคันหน้า ในกรณีที่ผู้ขับขี่เผลอตัวทำอย่างอื่นอย่างเช่น การก้มมองโทรศัพท์ การคุยโทรศัพท์หรือในขณะที่กำลังเปลี่ยนเพลงหรือเลือกเพลงที่ชอบ ระบบนี้จะแจ้งเตือนเมื่อรถคันด้านหน้าเคลื่อนตัวออกไปโดยไม่ต้องรอจังหวะ เป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อการชนท้ายคันหน้าได้

   ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยเฉพาะในเวลาสภาพการจราจรติดขัด ระบบจะช่วยลดภาระความเครียดของผู้ขับขี่ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่ารถคันหน้าจะเคลื่อนที่ออกตัวไปโดยที่เราไม่รู้ตัว และยิ่งเป็นมือใหม่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการขับขี่นั่นเองครับ

 

ต่างกันอย่างไร? ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ไมเนอร์เชนจ์ 2024 ทั้งรุ่นฟูลไฮบริด e:HEV และเครื่องยนต์ VTEC TURBO คลิก

   ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มาพร้อมกับราคาเริ่มต้น 599,000 บาท มีทั้งเครื่องยนต์แบบฟูลไฮบริด e:HEV และเครื่องยนต์ VTEC Turbo ที่ตอบโจทย์กับผู้ขับขี่ที่ชอบความหลากหลาย และทันสมัย ห้องโดยสารได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กว้างขวาง สามารถเพิ่มพื้นที่ที่ถึง 4 โหมด


NEW CITY HATCHBACK TURBO

เริ่มต้น 599,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 6,100 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

รุ่นแรกของฮอนด้า! Honda e:N1 ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% เทคโนโลยีที่เหมาะกับปัจจุบัน

รุ่นแรกของฮอนด้า! Honda e:N1 ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% เทคโนโลยีที่เหมาะกับปัจจุบัน

09/04/2024

ฮอนด้าครองอับดับ 1 ในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบัน ด้วยการผสมผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ขึ้นชื่อในเรื่องการประหยัดน้ำมันและในการเติมน้ำมันใน 1 ถัง สามารถขับไปได้ในระยะทางที่ไกลกว่า ล่าสุดฮอนด้าได้นะเสนอกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) อย่าง Honda e:N1 ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศไทย

อ่านต่อ
ต่างกันอย่างไร? ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ไมเนอร์เชนจ์ 2024 ทั้งรุ่นฟูลไฮบริด e:HEV และเครื่องยนต์ VTEC TURBO

ต่างกันอย่างไร? ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ไมเนอร์เชนจ์ 2024 ทั้งรุ่นฟูลไฮบริด e:HEV และเครื่องยนต์ VTEC TURBO

20/02/2024

ฮอนด้าได้มีการปรับโฉมฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ โดยการปรับให้ดูสปอร์ตมากกว่าเดิม ทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยและสิ่งที่อำนวยความสะดวกที่มากยิ่ง ห้องโดยสารกว้างนั่งสบายที่มาพร้อมกับเบาะนั่งอัลตราซีท ที่สามารถปรับพับเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ตรงกับความต้องการได้ และตัวไมเนอร์เชนจ์ 2024 นี้ยังปรับราคาให้ลุกค้าได้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

อ่านต่อ
รุ่น VTEC TURBO อัปเกรดความปลอดภัยอีกขั้นกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

รุ่น VTEC TURBO อัปเกรดความปลอดภัยอีกขั้นกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

13/02/2024

สำหรับรุ่น TURBO เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbocharger ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) อีกทั้งประหยัดน้ำมันเกินคาดด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่สูงถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และรองรับน้ำมัน E20

อ่านต่อ
Uto