รถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 979,000 บาท ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมเอสยูวีที่มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนฟลูไฮบริด e:HEV และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทั้งไลน์อัป และดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายในที่ผสานเอกลักษณ์ความสปอร์ตที่เข้ากับความอเนกประสงค์ไว้ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน
DESIGN & STYLE
ด้วยดีไซน์ที่สปอร์ตพรีเมียมที่สะท้อนตัวตนในสไตล์เอสยูวีได้อย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยตัวถังที่ปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ ดึงดูดสายตาด้วยกระจังหน้ากับดีไซน์ใหม่ที่สปอร์ตเพราะเป็นสีเดียวกับสีรถเฉพาะในรุ่น e:HEV EL ส่วนในรุ่น e:HEV E จะเป็นกระจังหน้าสีดำเงา ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED จะมีในรุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS สำหรับกันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่พร้อมด้วยไฟท้ายแบบ LED Light Strip ที่เชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นเท่านั้น อีกทั้งสปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีมฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว เฉพาะในรุ่น e:HEV E และรุ่น e:HEV EL เท่านั้น นอกจากนี้ยังสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นด้วยโลโก้ H Mark ที่ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้ายนั่นเองครับ
SMART COMFORT & UTILITY
พร้อมตอบโจทย์สมาร์ตไลฟ์สไตล์ ด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายที่ล้ำสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน อาชิเช่น ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close) ทำให้คุณใช้ชีวิตได้สมาร์ตขึ้น
POWERFUL HYBRID
สำหรับสมรรถนะในการขับขี่ซึ่งตอบสนองได้อย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร และยังคงประหยัดน้ำมันอย่างดีเยี่ยมสูงถึง 25.6 กม./ลิตร ซึ่งมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนฟลูไฮบริด e:HEV ในทุกรุ่นนั่นเองครับ
SAFETY
มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่มีมาให้ในทุกรุ่นนะครับ โดยการทำงานจะทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System : CMBS) เป็นระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System : LKAS) ซึ่งกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางการเดินรถ ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) เป็นระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam : AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow : ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System : LCDN) เป็นระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามคันหน้า
นอกจากดีไซน์และเครื่องยนต์ที่ทรงพลังแล้ว ในทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมกับสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดายตามความต้องการเลยครับ ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 โหมด
- ECON Mode : โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น
- NORMAL Mode : โหมดการขับขี่แบบปกติ ใช้สำหรับการขับขี่ใช้งานแบบปกติโดยทั่วไป
- SPORT Mode : โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ซึ่งจะช่วยปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้พร้อมตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ
และสำหรับการใช้งานรถยนต์ The All-new Honda HR-V e:HEV จะเป็นอย่างไรมาชมกันครับ
หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี หรือรถยนต์ฮอนด้ารุ่นอื่นๆ สามารถติดต่อได้ที่ Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ