ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ความสปอร์ตพรีเมียมซีดาน สำหรับเจเนอเรชันที่ 11 นี้มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมสุดเอกซ์คลูซีฟสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำรอบคัน พร้อมปลอกท่อไอเสียคู่ พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ถึง 3 โหมด และด้วยเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตรใหม่ ระบบเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 17.2 กม./ลิตร ทั้งนี้ยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 อีกด้วยนะครับ ซึ่งมีมาครบในทุกรุ่นย่อย และที่สำคัญยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
ในเจเนอเรชันที่ 11 นี้ ได้ออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่ยังคงแฝงความสปอร์ตแบบพรีเมียม สำหรับรุ่น RS ได้มีระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ที่ดีไซน์เรียบหรู พกพาสะดวก สามารถล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่พกการ์ดใบนี้ไว้ที่ตัวเท่านั้นครับ และมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ได้ปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายด้วย ล้ำสมัยสุดๆ และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา และ Honda CONNECT เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ตโฟน
อีกหนึ่งระบบที่ทุกรุ่นย่อยมีก็คือ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่มี 6 ระบบด้วยกัน
ซึ่งระบบนี้จะทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้าที่ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำงานหลักๆ มีดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
เป็นระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ซึ่งกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางการเดินรถ ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
เป็นระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
- ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
เป็นระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามคันหน้า
ยังมาพร้อมโหมดขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด
- ECON Mode เป็นโหมดการขับขี่แบบประหยัด ที่พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
- Normal Mode เป็นโหมดการขับขี่แบบปกติที่ให้สำหรับการขับขี่ที่ใช้งานโดยทั่วไป
- เพิ่มเติมด้วย Sport Mode เป็นโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกและเร้าใจ (ซึ่งมีในเฉพาะรุ่น RS)
ไปชมรีวิวของรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชันที่ 11 กัน!
นอกจากนี้ยังมีชุดแต่งที่เสริมความสปอร์ต ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Make the CIVIC 3F (Fashion, Function and Featured)” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือกมากมาย ทั้งสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต คิ้วบันได ฝาครอบกระจกมองข้าง คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว คิ้วตกแต่งกระจังหน้า คิ้วตกแต่งกันชนหลัง และไฟส่องสว่างที่เท้า
หรือจะเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ที่มีทั้งหมด 4 แพ็กเกจ
- Exhaust Pipe Finisher Package ที่ประกอบด้วย ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 2 ชิ้น
- Sport Package ที่ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า และคิ้วตกแต่งกันชนหลัง
- Exclusive Sport Package ที่ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า คิ้วตกแต่งกันชนหลัง และ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
- Modulo Aero Package ที่ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง
มาในราคาเริ่มต้นที่ 964,900 บาท ซึ่งมีทั้งหมด 6 สีด้วยกัน
- แดงอิกไนต์ (เมทัลลิก)
- ฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก)
- ขาวแพลทินัม (มุก)
- เทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
- ดำคริสตัล (มุก)
- เงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
และสำหรับการใช้งานของรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค ในเจเนอเรชันที่ 11 นี้จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยครับ บอกได้เลยว่า “จัดเต็ม” จริงๆ
หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค หรือรถยนต์ฮอนด้ารุ่นอื่นๆ สามารถติดต่อได้ที่ Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ