Rain Sensor เซ็นเซอร์ควบคุมปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ทำหน้าทีตรวจจับปริมาณน้ำฝน ระบบจะเริ่มทำงานทันทีที่ Sensor ตรวจจับน้ำฝนได้ โดยที่ความเร็วของการปรับน้ำฝนจะสัมพันธ์กับปริมาณน้ำฝนที่ตกขณะนั้น
ภายในของเซ็นเซอร์ปัดน้ำฝนจะมีชุดติดตั้งที่ทำหน้าที่ในการยิงลำแสงกลับเข้าไปยังชุดรับแสง เมื่อมีน้ำฝนมาตกกระทบเข้ากับบริเวณพื้นที่รับแสงของกระจกรถด้านหน้าจะส่งผลไปยังกล่องควบคุมระบบปัดน้ำฝนเพื่อให้เริ่มต้นการทำงาน โดยปริมาณของน้ำฝนที่ตกลงมาเองก็มีผลต่อการทำงานของเซ็นเซอร์ปัดน้ำฝนเช่นเดียวกัน เนื่องจากน้ำทำให้การหักเหของแสงมีความเปลี่ยนแปลงไปหากฝนตกน้อยการหักเหของแสงก็จะน้อยกล่องควบคุมจะสั่งการให้ก้านปัดน้ำฝนปัดช้า หรือปัดหยุด แต่ในทางตรงกันข้ามหากตรวจจับได้ว่ามีฝนตกหนักเนื่องมาจากปริมาณในการหักเหของแสงมากและไม่สามารถที่จะรับแสงสะท้อนกลับได้กล่องควบคุมจะทำการสั่งให้ระบบปัดน้ำฝนเพิ่มความเร็วในการปัดน้ำฝนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ตัวเซ็นเซอร์ปัดน้ำฝนนั้นก็มีการแบ่งแยกขั้นตอนในการทำงานอยู่อย่างชัดเจน คือ การหยุด การปัด-หยุด หรือพูดง่ายๆ คือหน่วงเวลาประมาณ 5 วินาทีจึงกลับมาทำการปัดอีกครั้ง ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถที่จะสังเกตได้จากสัญลักษณ์ Int หรือ Intermittent นั่นเอง อย่างไรก็ตามในรถบางรุ่นผู้ขับขี่สามารถที่จะปรับตั้งค่าระยะเวลาในการหน่วงปรับ-หยุด ได้ตามความต้องการผ่านวิธีการตั้งเวลาให้ที่ปัดน้ำฝนมีการหน่วงในระยะ 5-10 วินาที หรือในระยะเวลาที่มีความยาวนานมากกว่านั้นได้ด้วยเช่นกัน
การใช้งาน
สำหรับวิธีการใช้งานระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติอย่างถูกต้องนั้นผู้ขับขี่เพียงหมุนก้านปัดน้ำฝนมาอยู่ในตำแหน่งที่ 1 ซึ่งในกรณีที่รถของผู้ขับขี่มีการใช้งานระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติจะไม่มีจังหวะการปัดหยุด แต่ผู้ขับขี่ก็สามารถที่จะหมุนก้านปัดน้ำฝนเพื่อปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนขึ้นนั่นเอง
ในรถยนต์ ฮอนด้า เอชอาร์-วี มีระบบ Rain Sensor เช่นกัน ฝนตกเมื่อไหร่ทำงานทันที ตอบสนองไว จังหวะปัดฝนได้ดั่งใจ ไม่ทำให้หลุดโฟกัสขณะขับขี่ ขับสบ๊ายสบายได้โดยไม่ต้องมาคอยปัดเอง มีในเฉพาะรุ่น EL และ RS นะครับ
นอกจากระบบ Rain Sensor ที่อำนวยความสะดวกแล้วยังมีระบบอีกมากมายที่ควบคุมเพียงปลายนิ้ว อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi Information Control Switch) ปุ่มรับและวางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย พร้อมปุ่มระบบสั่งการด้วยเสียง (Hands-free Telephone Switch with Voice Recognition) ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย (Audio Control Switch) ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส
สำหรับรถยนต์ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยด้วยนะครับ มั่นใจในทุกเส้นทางการขับขี่แน่นอน รวมถึงภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง คลิก และห้องสัมภาระท้ายที่มีขนาดใหญ่ คลิก กว้างขวางถูกใจแน่นอนครับ และจะมีอะไรอีกบ้างนั้น มาชมคลิปกันครับ
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ ฮอนด้า เอชอาร์-วี หรือต้องการทดลองขับสามารถติดต่อได้ที่ช่องทางของ ยูไนเต็ด ฮอนด้า ได้เลยนะครับ