หลังจากฮอนด้าได้เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สำหรับในเจเนอเรชันที่ 11 นี้ได้มาพร้อมการสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง ที่เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยรุ่น RS ที่ดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำรอบคัน ที่มาสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสปอร์ตที่เป็นเอกลักษณ์ของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาทั้งด้านดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่ รวมถึงครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์มากๆ และสำหรับรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่นี้จะมีอะไรที่เหนือระดับบ้างมาดูกันครับ
POWERFUL
การขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่มอบความเร้าใจด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว ที่พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศ เข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบต่อนาที ที่ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.2 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85
และยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่
- ECON Mode โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
- Normal Mode โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
- Sport Mode โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ (เฉพาะรุ่น RS)
CRAFTED DESIGN
ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ยังคงแฝงความสปอร์ตพรีเมียมโดดเด่นด้วยเส้นสายโฉบเฉี่ยวรอบคัน ยกระดับความสปอร์ตในรุ่น RS
- ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
- ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED
- กระจกมองข้างสีดำ
- มือจับประตูด้านนอกสีดำ
- เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ
- สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย
- ท่อไอเสียแบบคู่พร้อมปลอกท่อไอเสีย
- ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว
COMFORT & SMART
สำหรับภายในห้องโดยสารนั้นกว้างขวาง สะดวกสบาย ซึ่งภายในจะตกแต่งด้วยวัสดุที่พรีเมียมและมาพร้อมเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกล้ำสมัย Smart Connection ที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์
- เบาะเป็นหนังกลับดีไซน์ใหม่ที่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
- แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
- ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู พกพาสะดวก เพื่อให้ผู้ขับขี่ล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่พกการ์ดติดตัวไว้
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ที่ขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้
- ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
- แบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา
- Honda CONNECT เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
SAFETY
สู่มาตรฐานใหม่แห่งการขับเคลื่อน ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่มีในทุกรุ่นย่อย ให้คุณมั่นใจมากขึ้นตลอดการเดินทาง โดยการทำงานจะทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้าที่ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการทำงานหลักมีดังนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ซึ่งกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางการเดินรถ ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
เป็นระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
- ใหม่! ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
เป็นระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามคันหน้า
และสำหรับรีวิวรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค ในเจเนอเรชันที่ 11 จะเป็นอย่างไรรวมถึงการใช้งานแบบจัดเต็ม จะใช้งานอย่างไรบ้างไปชมกันเลยครับ
หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค หรือรถยนต์ฮอนด้ารุ่นอื่นๆ สามารถติดต่อได้ที่ Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ