ในสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างมากเลยก็คือโรงพยาบาลด้วยจำนวนเตียงที่ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่รอการเข้ารักษาเป็นจำนวนมาก และด้วยเหตุผลนี้จึงได้แบ่งกลุ่มเพื่อประเมินอาการความรุนแรงของผู้ติดเชื้อ ซึ่งแบ่งได้ 3 กลุ่ม
กลุ่มอาการสีเขียว

- มีไข้ หรือวัดอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 37.5 องศาขึ้นไป
- ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ
- ไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่นขึ้น
- ถ่ายเหลว
- ไม่มีอาการหายใจเร็ว หายใจเหนื่อย หายใจลำบาก
- ไม่มีอาการปอดอักเสบ
- ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือโรคร่วมสำคัญ
ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อที่อยู่ในระดับสีเขียวจะให้รักษาด้วยวิธี Home Isolation คือการกักตัวอยู่ที่บ้าน และถ้ามีอาการมากขึ้นจะพิจารณาส่งต่อให้กับสถานพยาบาลรักษา
กลุ่มอาการสีเหลือง

- แน่นหน้าอก
- หายใจไม่สะดวกขณะทำกิจกรรม
- หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก เวลาไอแล้วเหนื่อย
- อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ
- ปอดอักเสบ
- ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน ร่วมกับอาการหน้ามืด วิงเวียน
ในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่รอช้าไม่ได้จะต้องประสานงานหาเตียง ซึ่งจะต้องรอคิวจากกลุ่มอาการสีแดง
กลุ่มอาการสีแดง

- หอบเหนื่อย พูดไม่เป็นประโยคขณะสนทนา
- แน่นหน้าอกตลอดเวลา หายใจแล้วเจ็บหน้าอก
- อาการซึม เรียกไม่รู้สึกตัว หรือตอบสนองช้า
- มีภาวะปอดบวมและปอดอักเสบรุนแรง
- ควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันที
ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะต้องเข้ารับการรักษาทันที
ถ้าประเมินอาการแล้วไม่ได้มีอาการรุนแรงจะให้รักษาตัวโดยกักตัวอยู่ที่บ้าน (Home Isolation) โดยจะจัดชุดเวชภัณฑ์ดูแลรักษาโรคเบื้องต้นไปให้ที่บ้าน แต่ถ้าหากไม่สามารถแยกกักตัวอยู่ที่บ้านได้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ทำการตรวจขึ้นยืนยันผลด้วยวิธี RT-PCR อีกครั้ง หากผลเป็นบวกก็จะทำการส่งตัวเข้าศูนย์พักคอย (Community Isolation) เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้มาอยู่ในความดูแลของบุคลากรทางการแพทย์และรับยาได้ทันที
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัดด้วยนะครับ