ดูแลรถดีแต่กลับพลาดเพราะพฤติกรรมการขับขี่ของเราเองที่อาจทำให้รถพังเร็วโดยไม่รู้ตัวได้ และสำหรับพฤติกรรมที่ทำแล้วหรือทำเป็นประจำ บอกได้เลยว่าเตรียมรับมือกับค่าซ่อมหนักได้เลย!
พฤติกรรมเสี่ยง! ทำให้รถพังเร็ว
ไม่อุ่นเครื่องก่อนขับ ความเสียหายเกิดตั้งแต่เริ่ม
หลายท่านอาจรีบในช่วงเช้าๆ หรือช่วงที่รีบกำลังไปทำงาน สตาร์ทรถได้ขับออกไปเลย แต่รู้หรือไม่? การไม่อุ่นเครื่องก่อนขับนั้นเสี่ยงต่อการเกิดสึกหรอของเครื่องยนต์อย่างมากเลยนะครับ
ทำไมถึงเสี่ยง!
- น้ำมันเครื่องยังไม่ไหลเวียนไปทั่วระบบ
- ชิ้นส่วนโลหะเสียดสีโดยไม่มีน้ำมันหล่อลื่นเพียงพอ
- อุณหภูมิที่ยังไม่เหมาะสมที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป

ไขข้อสงสัย รถเก่าหลายปียังจำเป็นต้องทำประกันภัยรถยนต์หรือไม่? คุ้มไม่คุ้ม! เจาะลึกทุกมุมมอง คลิก
สำหรับคำแนะนำควรอุ่นเครื่องยนต์ประมาณ 30 วินาที – 1 นาที ก่อนที่จะขับออกไป และไม่ควรเร่งเครื่องแรงในขณะที่อุ่นเครื่องด้วยนะครับ
เบรกกระทันหันบ่อยๆ ทำให้ผ้าเบรกพัง
บางคนชอบขับแบบใจร้อนหรือใช้เบรกเป็นหลักในการควบคุมรถ แต่พฤติกรรมการเหยียบเบรกรกะทันหันบ่อยๆ นั้นมีผลเสียต่อระบบเบรกอย่างมากเลยทีเดียว
ผลเสียที่ตามมา
- ผ้าเบรกสึกเร็วกว่าปกติ
- จานเบรกอาจคด เสี่ยงทำให้เกิดอุบิตเหตุ
- ระบบเบรกทำงานผิดปกติในระยะยาว

รู้หรือไม่? รถควันดำอาจผิดกฎหมาย เจาะลึกโทษ ปัญหา และวิธีแก้ไขปี 2025 คลิก
สำหรับคำแนะนำควรขับขี่ให้เผื่อระยะเบรกไว้เสมอนะครับ ใช้การชะลอด้วยเกียร์แทนจะช่วยบรรเทาการใช้เบรกได้
ใช้เกียร์ผิดประเภท เกียร์พังเร็วโดยไม่รู้ตัว
พฤติกรรมที่ควรเลี่ยง
- เปลี่ยนจากเกียร์ D > R หรือเปลี่ยนจากเกียร์ R >D โดยที่ไม่ได้หยุดรถก่อน
- ใช้เกียร์ N แล้วเข้าเกียร์ D ทันทีในขณะรถยังไหล
- เปลี่ยนเกียร์ต่ำกระทันหันในขณะที่รอบเครื่องยังสูงอยู่
- กระชากเกียร์เพื่อเร่งแซงหรือขึ้นเขาแบบไม่สมดุลกับความเร็ว
สำหรับการเปลี่ยนเกียร์ของรถเกียร์อัตโนมัติควรหยุดรถสนิทก่อนเปลี่ยนเกียร์ระหว่าง D > R หรือ N>D และสำหรับรถเกียร์ธรรมดาควรเปลี่ยนเกียร์ตามลำดับ และประสานรอบเครื่องยนต์กับรอบเกียร์หากต้องลดเกียร์
ปล่อยให้เชื้อเพลิงเหลือน้อยบ่อยๆ เสี่ยงปั๊มน้ำมันพัง

จะเกิดอะไรขึ้น?
- ตะกอนที่ก้นถังน้ำมันจะถูกดูดเข้าไปใช้ในระบบ จากที่ตอนแรกสะอาดกลายเป็นสกปรกเพราะพวกตะกอนเหล่านั้นถูกดูดขึ้นไปนั่นเอง
- เสี่ยงทำให้ปั๊นน้ำมันทำงานหนักและเสียหาย
- ทำให้เครื่องยนต์สะดุดหรือสตาร์ทติดยาก
สำหรับคำแนะนำควรรักษาระดับน้ำมันเอาไว้ไม่ให้ต่ำกว่า ¼ ของถัง ควรเติมน้ำมันทันทีเมื่อน้ำมันใกล้หมดโดยไม่ต้องรอให้ขึ้นไฟเตือน
รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไร? รวมสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ไขด้วยตัวเองแบบละเอียด คลิก
ไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
น้ำมันเครื่องทำหน้าคล้ายกับเลือดในร่างกายของเราเลย หากไม่เปลี่ยนตามรอบจะเกิดคราบเขม่า สะสมสิ่งสกปรกในเครื่องยนต์ และทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป
ผลเสีย
- เครื่องร้อนเกิดปกติ
- กำลังตก ประสิทธิภาพลดลง
- อาจถึงขั้นทำให้เครื่องน็อคได้ ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่
สำหรับคำแนะนำควรเช็กกับคู่มือรถว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่งทุกกี่กิโลเมตร และหมั่นตรวจระดับน้ำมันเครื่องเดือนละ 1 ครั้ง
บรรทุกของหนักเกินไป ช่วงล่างรับไม่ไหว

หลายท่านมักจะใช้รถยนต์บรรทุกของ ซึ่งบางครั้งการบรรทุกของเต็มคันรถโดยที่เราไม่ได้นึกถึงน้ำหนัก แต่รู้หรือไม่ว่าการบรรทุกน้ำหนักเกินจะทำให้ระบบช่วงล่าง เบรก และยางเกิดการสึกหรอได้อย่างรวดเร็ว
ผลที่ตามมา
- ยางสึกหรอไม่เท่ากัน อาจเกิดระเบิดได้
- ระบบกันสะเทือนพัง ต้องเปลี่ยนโช้คเร็วกว่าปกติ
- เบรกทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
สำหรับคำแนะนำควรตรวจสอบน้ำหนักที่รถยนต์ของเราสามารถบรรทุกได้ก่อนที่จะบรรทุกของ ซึ่งหากจะต้องบรรทุกของอยู่บ่อยๆ ควรเสริมช่วงล่างอย่างเหมาะสม
รุ่นพิเศษ! Honda City Hatchback Drival 2025 ไดรฟ์สไตล์สปอร์ตด้วยชุดแต่งลิมิเต็ดสุดเท่จากโรงงาน คลิก ![]() |
อย่างไรก็ตามการใช้รถอย่างถูกต้องจะช่วยให้ประหยัดเงินและปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ เพราะรถยนต์ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามาก หากดูแลดีก็จะสามารถใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น จะช่วยให้เราไม่ต้องเจอค่าซ่อมหนักโดยไม่จำเป็นได้
ต้องการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการที่ ยูไนเต็ด ฮอนด้า สามารถนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ช่องทาง Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ