รถเจ้ากรรม! ตื่นเช้ามากำลังรีบไปทำงานแต่เจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด เชื่อเลยครับว่าหลายๆ ท่านต้องเคยเจอสถานการณ์แบบนี้แน่ๆ แล้วเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเลยทีเดียวเพราะอาการเหล่านี้ทำให้เราไปทำงานสายนั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วสาเหตุหรือปัญหาที่รถสตาร์ทไม่ติดมีหลายสาเหตุ และหลายอย่างที่เราสามารถตรวจเช็กหรือแก้ไขได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องโทรหาช่างเสมอไปครับ

สาเหตุยอดฮิต
- แบตเตอรี่เสื่อมหรือไฟแบตอ่อน
- ไดสตาร์ทมีปัญหา
- น้ำมันหมด
- ระบบจ่ายเชื้อเพลิงมีปัญหา
- ระบบไฟฟ้าอื่นๆ
แบตเตอรี่เสื่อมหรือไฟแบตอ่อน
- อาการ : บิดกุญแจแล้วได้ยินเสียงดังแชะๆ ไฟหน้าติดแต่เครื่องไม่ทำงานหรือไม่มีเสียงอะไรเลย
- สาเหตุ : แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเนื่องจากใช้งานมานานหรือมีการใช้งานไฟฟ้าในรถเมื่อดับเครื่องไว้ เช่น ลืมปิดไฟหน้าหรือไฟในรถ
- วิธีตรวจ : เปิดฝากระโปรงดูขั้วแบตว่ามีคราบขี้เกลือหรือไม่ อาจจะลองใช้โวลต์มิเตอร์วัดแรงดันไฟ
- วิธีแก้ไขเบื้องต้น : ลองพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่นดูก่อน หากติดแสดงว่าแบตอ่อน ควรทำการเปลี่ยนแบตใหม่หากใช้งานมานานเกิน 2-3 ปี
รถเสียข้างทางเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แล้วแบบนี้สามารถโทรเรียกประกันได้หรือไม่? คลิก

ไดสตาร์ทมีปัญหา
- อาการ : บิดกุญแจแล้วมีเสียงแชะ แต่เครื่องไม่หมุนหรือเงียบไปเลย
- สาเหตุ : ไดสตาร์ทสึกหรอ มอเตอร์ขัดข้องหรือหน้าสัมผัสเสีย
- วิธีตรวจ : ลองพ่วงแบตหากพ่วงแล้วไม่ติดเลย อาจจะไดสตาร์ทเสีย
- วิธีแก้ไข : เบื้องต้นอาจใช้วิธีเคาะที่ไดสตาร์ทเบาๆ ก่อน อาจจะเคาะด้วยด้ามประแจจากนั้นลองสตาร์ทอีกครั้ง หากอาการไม่ดีขึ้นควรให้ช่างตรวจเช็กหรือทำการเปลี่ยนอะไหล่
น้ำมันหมด
- อาการ : เครื่องหมุนแต่ไม่ติด เหมือนจะติดแต่ดับทันที
- สาเหตุ : ลืมเติมน้ำมันหรือมาตรวัดเพี้ยน
- วิธีตรวจ : ดูมาตรวัดน้ำมันหรือลองฟังเสียงปั๊มน้ำมันทำงานตอนที่เปิดกุญแจ ควรมีเสียงดัง วืด เบาๆ
- วิธีแก้ไข : เติมน้ำมันเข้าไป และรอสักพักก่อนแล้วค่อยลองสตาร์ทใหม่อีกครั้ง
อันตราย! จากการสูบบุหรี่บนรถ เสี่ยงทั้งเกิดไฟไหม้และผิดกฎหมาย คลิก

ระบบจ่ายเชื้อเพลิงมีปัญหา (หัวฉีดหรือปั๊มติ๊ก)
- อาการ : สตาร์ทไม่ติดเหมือนน้ำมันไม่เข้าเครื่อง
- สาเหตุ : ปั๊มติ๊กพัง หัวฉีดอุดตัน ฟิวส์ระบบจ่ายน้ำมันขาด
- วิธีตรวจ : เช็กฟิวส์ที่เกี่ยวข้องกับระบบปั๊มน้ำมันในกล่องฟิวส์
- วิธีแก้ไข : ถ้าฟิวส์ขาดสามารถเปลี่ยนเองได้ แต่ถ้าปั๊มตั๊กเสีย ควรให้ช่างช่วยซ่อม
เหยียบเท่าไรก็ไม่ขึ้น ทำอย่างไรหากรถเร่งไม่ขึ้น? คลิก
ระบบไฟฟ้าอื่นๆ (สวิตช์กุญแจเสีย สายไฟหลวม กล่อง ECU ขัดข้อง)
- อาการ : ไม่มีเสียงตอบสนองเลยเมื่อบิดกุญแจหรือไฟหน้าปัดไม่ติด
- วิธีตรวจ : ตรวจขั้วไฟฟ้า กล่องฟิวส์ และสายไฟต่างๆ
- แนวทาง : ถ้าหากพบว่าสายไฟหลุดหรือหลวมให้ลองเสียบใหม่ แต่หากไม่หายอาจจะต้องให้ช่างตรวจเชิงลึก
ต้องเรียกช่างเมื่อไร?
หากเราทำการตรวจเช็กเองแล้วทุกอย่างแต่ยังไม่หายหรือมีอาการที่ซับซ้อยมากกว่านั้น เช่น มีกลิ่นไหม้ มีเสียงแปลกๆ มีไฟเตือนโชว์บนหน้าปัด ให้หยุดที่จะพยายามสตาร์ทรถทันทีนะครับ และทำการติดต่อช่างหรือบริการรถยกแทนเพราะอาจทำให้รถมีอาการที่เสียหายมากขึ้นได้
เปลี่ยนอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้นะ! ต้องเปลี่ยนพร้อมกันสำหรับไส้กรองและน้ำมันเครื่อง คลิก

เคล็ดลับ!
- ตรวจแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้าทุก 6 เดือน
- เปลี่ยนแบตตามระยะเวลา โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 2-3 ปี
- ตรวจเช็กให้ดีก่อนว่าลืมปิดไฟหน้ารถหรือไม่ รวมไปถึงไฟในห้องโดยสาร
- หมั่นเติมน้ำมันโดยต้องไม่ต่ำกว่า 1 ใน 4 ถัง
- นำรถยนต์เข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กระบบจ่ายเชื้อเพลิงและไดสตาร์ทตามระยะ
รู้หรือไม่! ของเหลวภายในรถยนต์ที่จะต้องดูแลเป็นประจำมีอะไรบ้าง? คลิก
เราจะได้รู้เท่าทันปัญหาของการสตาร์ทรถไม่ติด และสามารถตรวจเช็กเบื้องต้นได้ด้วยตนเองได้อย่างมั่นใจเพราะในบางครั้งอาการที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงแค่อาการเล็กน้อยที่ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องเสียเงินหรือเสียเวลานั่นเองครับ สำหรับท่านใดที่ต้องการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการที่ ยูไนเต็ด ฮอนด้า สามารถนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ช่องทาง Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ