ฮีทสโตรก อันตรายถึงชีวิต! หากดูแลตัวเองไม่ดีพอ

ฮีทสโตรก อันตรายถึงชีวิต! หากดูแลตัวเองไม่ดีพอ

10/04/2023

   ฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ภัยที่มาจากอากาศร้อนที่มีตั้งแต่อาการที่แสดงออกจากน้อยไปถึงมาก สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการที่แสดงน้อยจะเป็นผู้ที่มีอาการตั้งแต่การบวมโดยเฉพาะปลายมือ ปลายเท้าอาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ รวมถึงเวียนหัวได้ และสำหรับผู้ที่อาการแสดงมากเลยก็จะมีอาการขาดน้ำจากการสูญเสียความร้อนในปริมาณที่เยอะ

   โรคนี้อันตรายถึงเสียชีวิตได้เลยนะครับ โดยความรุ่นแรงของโรคนี้ก็คือ ร่างกายจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น เมื่อมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้ระบบในร่างกายทำงานผิดปกติได้ โดยความผิดปกติจะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ มึนศีรษะ ปวดศีรษะ ซึ่งอาการนี้เป็นอาการเพียงเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนั้นถ้าเราไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ก็จะทำให้เกิดอาการฮีทสโตรก ที่มีอาการความรู้สึกตัวที่ผิดปกติ ซึ่งอาจมีภาวะชักได้นั่นเองครับ หรือถ้าหากหมดสติจากการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ และสุดท้ายอาจเสียชีวิตได้ครับ

 

สำหรับสัญญาณเตือนที่สำคัญ

  • ตัวร้อนจัด อุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
  • อาการกระหายน้ำ
  • หน้าแดง
  • ไม่มีเหงื่อ ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อน และผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดงมากขึ้น
  • วิงเวียนศีรษะ
  • ความดันโลหิตต่ำ หายใจเร็ว หรือหายใจถี่ๆ
  • ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน
  • มีความรูสึกตัวลดลง ตอบสนองช้า หน้ามืด หมดสติ

 

สาเหตุของการเกิด สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท

  1. Classical Heat Stroke เกิดจากความร้อนกับสิ่งแวดล้อมมากเกินไป โดยพบบ่อยในผู้ที่มีอายุมากและมีโรคเรื้อรัง มักเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง สำหรับอาการจะมีอุณหภูมิในร่างกายที่สูง แต่ไม่มีเหงื่อ มักจะเกิดในช่วงที่มีคลื่นความร้อนสูงหรืออยู่ในห้องที่ปิดมิดชิดไม่มีที่ระบายอากาศนั่นเองครับ
  2. Exertional Heat Stroke มักจะเกิดกับการออกกำลังกายที่หักโหมมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่ใช้แรงงานหรือพวกนักกรีฑา ซึ่งอาการจะคล้ายๆ กับ Classical แต่จะแตกต่างกันที่กลุ่มผู้ป่วย โดยจะมีเหงื่อออกมามากต่อมากเหงื่อจะหยุดออก และอาจมีอาการแทรกซ้อนได้อย่างเช่น ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ระดับฟอสฟอรัสในเลือดสูง ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ และอาจพบไมโอโกลบินในปัสสาวะอีกด้วยนะครับ

 

การปฐมพยาบาล

   อย่างแรกเลยก็คือ จะต้องดูว่าผู้ป่วยมีความรู้สึกตัวที่ผิดปกติหรือไม่ ถ้าหากดูแล้วมีภาวะความรู้สึกตัวที่ผิดปกติให้ลองคลำที่ชีพจรดูว่า การหายใจของเขาผิดปกติหรือไม่ หากผิดปกติจะต้องทำ CPR และโทรแจ้ง 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาลมารับผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล

   และสำหรับผู้ป่วยที่ยังมีความรู้สึกตัวที่ปกติอยู่ ให้นำผู้ป่วยเข้าที่ร่มๆ และดื่มน้ำเยอะๆ และจะต้องรีบทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงอาจจะใช้น้ำแข็งหรือการใช้ cool blanket ก็คือการใช้ผ้ายางใส่น้ำแข็งลงไปนั่นเองครับ และให้ผู้ป่วยนอนอยู่ตรงที่มีพัดลมด้วยนะครับ รวมถึงการชุบน้ำเพื่อเช็ดตัวก็สามารถทำได้ โดยการเช็ดเหมือนกับผู้ป่วยที่เป็นไข้ ก็คือการเช็ดสวนขึ้นมาเข้าทางหัวใจ โดยเช็ดไปทางเดียวกัน พร้อมกับเปิดพัดลมหรือใช้พ่นละอองน้ำเพื่อเป็นการระบายความร้อนครับ

   นอกจากนี้ถ้าพบเหตุการณ์แบบนี้พยายามอย่าล้อมผู้ป่วย เพราะทำให้อากาศไม่ถ่ายเท คลายเสื้อผ้าที่รัดแน่นออก รวมถึงถอดเครื่องประดับที่ไม่จำเป็นออก และใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรืออุณหภูมิห้องมาเช็ดตามใบหน้า ลำตัวได้นะครับ หรือจะใช้น้ำแข็งประคบที่ซอกคอ ขาหนีบ รักแร้ก็ได้นะครับ เพื่อเป็นการทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง

 

การป้องกัน

   จะต้องหลีกเลี่ยงการออกแดดหรืออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน แต่ถ้าหากจำเป็นจะต้องอยู่กลางแจ้งจริงๆ จะต้องกางร่มด้วยนะครับ ดื่มน้ำให้มากๆ แนะนำให้ทานน้ำเย็น ทานไอศกรีม หรือหากอยู่ในบ้านให้เปิดประตู หน้าต่าง เพื่อไม่ให้ห้องอับจนเกินไป เพราะการอยู่ในห้องที่ปิดจะทำให้อากาศไม่ถ่ายเท และเกิดความร้อนสะสมนั่นเองครับ อาจทำให้เกิดฮีทสโตรกได้แม้ว่าจะอยู่ในบ้านนั่นเอง

   รวมถึงการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา และน้ำหนักเบา เพื่อที่จะสามารถระบายความร้อนได้ดีครับ หากต้องออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดด้วยนะครับ ที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป

   สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่าพยายามออกไปอยู่กลางแดดนานจนเกินไปนะครับ แต่ถ้าจำเป็นจะต้องกางร่มและพยายามหลบเข้ามาอยู่ในที่ร่มบ้าง และยิ่งเป็นเด็กกับผู้สูงอายุจะต้องดูแลเป็นพิเศษเลยครับ

 

สิ่งที่ควรระวังก็คือ อย่าทำให้ร่างกายขาดน้ำ เตรียมน้ำไว้เยอะๆ นั่นเองครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนล, โรงพยาบาลวิภาวดี


All-new Honda WR-V

เริ่มต้น 799,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 8,000 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

ทำไม? ยังมีอาการเวียนหัวไม่หายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว อาการแบบนี้ปกติหรือไม่และวิธีแก้ต้องทำอย่างไร

ทำไม? ยังมีอาการเวียนหัวไม่หายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว อาการแบบนี้ปกติหรือไม่และวิธีแก้ต้องทำอย่างไร

31/03/2025

เกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศไทยในหลายจังหวัดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ สร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีตึกและตามอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามหากท่านใดที่มีอาการเวียนหัวหรืออาการเมาหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติก็คือหลีกเลี่ยงการเดินหรือการเคลื่อนไหวเร็วก่อนนะครับ หาที่นั่งพักในที่ที่ปลอดภัย พร้อมกับดื่มน้ำเพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถปรับสมดุล แต่ถ้าหากมีอาการเป็นเวลานานเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรงเช่น เวียนหัวจนล้ม คลื่นไส้อาเจียนตลอดเวลา ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการเพิ่มเติมนะครับ หากมีข้อสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สามธารณสุขได้ทันทีที่ สายด่วนสุขภาพ 1669 และสายด่วนสุขภาพจิต 1323

อ่านต่อ
แผ่นดินไหว! เกิดขึ้นที่ประเทศไทยได้อย่างไร? และแรงสั่นสะเทือนส่งผลอะไรกับประเทศไทยบ้าง

แผ่นดินไหว! เกิดขึ้นที่ประเทศไทยได้อย่างไร? และแรงสั่นสะเทือนส่งผลอะไรกับประเทศไทยบ้าง

29/03/2025

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ช่วงเวลาบ่ายโมงตามเวลาไทย ผู้คนในหลากหลายจังหวัดและหลายพื้นที่ต่างก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน โดยคนส่วนใหญ่แล้วจะคิดว่า ตัวเองไม่สบายหรือเปล่า ทำไมมีความรู้สึกบ้านหมุน แต่เมื่อสังเกตในบริเวณรอบๆ แล้วจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ เก้าอี้ สระน้ำหรือน้ำในห้องน้ำของเรานั้นมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ โดยจุดเริ่มต้นมาจากการสั่นสะเทือนในเมียนมา ตามรายงานของศูนย์สำรวจทางภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯ ได้มีรายงานว่า เป็นแผ่นดินไหวในเมียนมาที่มีขนาดถึง 7.7 แมกนิจูด ที่มีศูนย์กลางแผ่นดินไหวลึกลงไปในใต้ดินถึง 10 กิโลเมตร ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ สร้างความเสียหายรุนแรงทั้งในเมียนมาและขยายผลกระทบไปถึงกรุงเทพฯ ของประเทศไทย ซึ่งอยู่ห่างออกไปว่า 1,000 กิโลเมตร

อ่านต่อ
เกิดแผ่นดินไหวที่เมียนมาขนาด 7.7 สะเทือนถึงไทย กทม. เป็นพื้นที่เสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

เกิดแผ่นดินไหวที่เมียนมาขนาด 7.7 สะเทือนถึงไทย กทม. เป็นพื้นที่เสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

29/03/2025

เกิดแผ่นดินไหวที่เมียนมาขนาด 7.7 สะเทือนถึงไทย กทม. เป็นพื้นที่เสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาสะเทือนมาถึงประเทศไทยในช่วงเวลาประมาณ 13.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย เป็นแผ่นดินไหวในเมียนมาที่มีขนาดถึง 7.7 แมกนิจูด ที่มีศูนย์กลางแผ่นดินไหวลึกลงไปในใต้ดินถึง 10 กิโลเมตร ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ สร้างความเสียหายรุนแรงทั้งในเมียนมาและขยายผลกระทบไปถึงกรุงเทพฯ ของประเทศไทย ซึ่งอยู่ห่างออกไปว่า 1,000 กิโลเมตร แผ่นดินไหวครั้งนี้! รุนแรงสุดในรอบ 100 ปี

อ่านต่อ
Uto