เตรียมตัวให้พร้อมต้อนรับตรุษจีน 2025 เช็กลิสต์! เตรียมตัวต้อนรับวันตรุษจีน การจัดบ้าน เสื้อผ้า อาหาร ของไหว้ รวมทุกอย่างที่ต้องทำ

เตรียมตัวให้พร้อมต้อนรับตรุษจีน 2025 เช็กลิสต์! เตรียมตัวต้อนรับวันตรุษจีน การจัดบ้าน เสื้อผ้า อาหาร ของไหว้ รวมทุกอย่างที่ต้องทำ

25/01/2025

   วันตรุษจีนเป็นวันที่เริ่มต้นปีใหม่สำหรับคนจีนที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญเช่นกัน เป็นช่วงเวลาที่มารวมตัวกันกับครอบครัว ร่วมเฉลิมฉลองกัน และเสริมความสิริมงคลให้กับชีวิตในวันขึ้นปีใหม่ แต่จะปฎิบัติตัวเพื่อเตรียมตัวต้อนรับในเทศกาลตรุษจีนให้ถูกต้องและเพื่อความสิริมงคลจะต้องเตรียมตัวอย่างไร?

 

เตรียมตัวต้อนรับวันตรุษจีน

  • ทำความสะอาดบ้าน
  • สวมเสื้อผ้าสีสดใส
  • ทานอาหารมงคล
  • ให้อั่งเปา
  • ไหว้เทพเจ้า

12 ข้อห้ามทำในวันตรุษจีน คลิก

 

ทำความสะอาดบ้าน ควรทำวันไหน?

   การทำความสะอาดบ้านเพื่อเตรียมตัวต้อนรับในวันตรุษจีนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะในความเชื่อของคนจีนนั้น การทำความสะอาดบ้านในช่วงก่อนวันตรุษจีนจะช่วยขับไล่โชคร้ายหรือสิ่งที่ไม่ดีออกไป และทำให้บ้านเต็มไปด้วยพลังบวกและโชคลาภสำหรับวันปีใหม่

   ซึ่งตามประเพณีของคนจีน การทำความสะอาดบ้านควรทำก่อนที่จะถึงวันตรุษจีนประมาณ 1-2 วัน หรือที่เรียกว่า “วันล้างบ้าน” เพื่อเป็นการล้างสิ่งที่ไม่ดีและพลังงานลบออกไปให้หมดโดยจะต้องทำในช่วงเช้าของวันนั้นเท่านั้น ดังนั้น ไม่ควรทำความสะอาดบ้านในวันตรุษจีนเพราะตามความเชื่อของคนจีนจะทำให้ความโชคดีหายไป นอกจากการทำความสะอาดบ้านแล้วยังรวมไปถึงการจัดการสิ่งของต่างๆ ในบ้านให้เรียบร้อย

 

สวมเสื้อผ้าสีสดใส ใส่วันไหนบ้าง? และต้องเป็นสีแบบไหน?

   การเลือกสวมเสื้อผ้าสีที่สดใสเป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญเช่นกันนะครับ เสื้อผ้าที่ใส่ในวันตรุษจีนควรมีความหมายในทางโชคลาภ การเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต โดยเฉพาะการเลือกเสื้อผ้าสีที่เหมาะสมกับวันและโอกาสต่างๆ จะช่วยเสริมความมงคลให้กับเรานั่นเองครับ

 

  • วันตรุษจีน : วันแรกของปีใหม่ของคนจีน

   คนจีนมักจะเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีสีแดงหรือสีทองเป็นหลัก เพราะสีแดงถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและการเริ่มต้นปีใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขและความสำเร็จ รวมไปถึงการขับไล่สิ่งชั่วร้าย และส่วนสีทองแสดงถึงความร่ำรวย โชคลาภ การเจริญรุ่งเรืองทางการเงินและความมั่งคั่ง

 

  • วันก่อนตรุษจีน : วันล้างบ้านหรือวันเตรียมตัว

   ก่อนถึงวันตรุษจีนควรเลือกสวมเสื้อผ้าสีสดใสอย่าง สีเหลือง สีฟ้า สีเขียวอ่อน เพื่อให้ความรู้สึกเบิกบานสดใส เตรียมตัวรับปีใหม่ด้วยใจที่สดชื่นและพร้อมรับสิ่งดีๆ

  • วันเยี่ยมเยียนครอบครัว : วันขอพรปีใหม่

   ในวันที่ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวหรือผู้ใหญ่ควรเลือกเสื้อผ้าสีแดงหรือสีชมพูที่เป็นสีสันแห่งความสุขและความอบอุ่น เพื่อให้ความรู้สึกถึงความรักและความห่วงใยในครอบครัว

 

เคล็ดลับเสริมโชค : ควรหลีกเลี่ยงในการสวมเสื้อผ้าสีขาวหรือดำในช่วงวันตรุษจีน เนื่องจากสีเหล่านี้จะสื่อถึงความเศร้าโศกและการไว้ทุกข์ และยิ่งหากสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ในวันตรุษจีน ยิ่งจะช่วยเสริมความสิริมงคลและให้โชคลาภเข้ามาในชีวิตครับ

ทำไมสีแดงถึงโดดเด่นในวันตรุษจีน? ความหมายและประเพณีที่เราอาจไม่เคยรู้ คลิก

 

ทานอาหารมงคล มีอะไรบ้าง?

   ตรุษจีนนี้ทานอย่างไรให้โชคดี มีแต่ความเฮง ความปัง เสริมพลัง!

  • ขนมจีบหรือเกี๊ยว : มีลักษณะคล้ายกับเงินตำลึงจีนสมัยโบราณ เปรียบเสมือนความมั่งคั่ง ร่ำรวย เสริมโชคลาภทางการเงิน
  • ปอเปี๊ยะทอด : มีลักษณะยาวคล้ายทองคำแท่งที่สื่อถึงความร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่งและยั่งยืน
  • ปลา : การทานปลาถือเป็นสิริมงคล ตามความเชื่อการทานปลาจะช่วยให้มีความโชคดีและมีสิ่งดีๆ เข้ามาใช้ชีวิต
  • หมี่ : สื่อถึงการมีชีวิตที่ยาวนานและสุขภาพที่แข็งแรง โดยการทานหมี่ในวันตรุษจีนหมายถึงการขอให้มีชีวิตที่ยืนยาว
  • ซาลาเปา : ความหมายของซาลาเปาก็คือการห่อโชคลาภ ห่อเงิน ห่อทอง โดยซาลาเปาจะมีจุดสีแดงอยู่ตรงกลางบนลูกซาลาเปา เพราะคนจีนเชื่อว่า สีขาวล้วน ที่เป็นสีของแป้งซาลาเปานั้นไม่เป็นมงคล เพราะสีขาวเป็นสีของการไว้ทุกข์ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้เคล็ดจึงได้มีการแต้มจุดสีแดงเอาไว้เพื่อความเป็นมงคลนั่นเอง
  • ขนมเทียน : สื่อถึงความหวานชื่น ความสดใส การมีชีวิตที่ราบรื่น และด้วยลักษณะขนมเทียนที่เป็นกรวยแหลมคล้ายกับเจดีย์อีกด้วย จึงถือว่าเป็นขนมมงคลมากๆ
  • ขนมเข่ง : เป็นขนมที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับวันตรุษจีน เพราะสื่อถึงมีมิตรสหายมากมาย ทำอะไรก็จะมีความราบรื่น ชีวิตเจริญรุ่งเรือง การงานก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป
  • ขนมอี๋ : มีลักษณะเป็นทรงกลม ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวที่ผสมสีชมพูและปั้นเป็นก้อนกลมๆ ต้มใส่น้ำตาล ซึ่งมีความหมายที่เป็นมงคล สื่อถึงให้ดำเนินชีวิตง่ายดาย ราบรื่น ไร้อุปสรรค มีนัยยะถึงความร่มเย็นเป็นสุข สมัครสมานกลมเกลียวในครอบครัว
  • ขนมถ้วยฟูและขนมสาลี่ : มีลักษณะที่พองฟูแสดงถึงความรุ่งเรือง เฟื่องฟู มักใช้ประกอบในงานมงคลหรือพิธีกรรมของจีน รวมไปถึงในวันตรุษจีนเช่นกัน
  • จันอับ : จันอับ เพี้ยนมาจากภาษาจีนแต้จิ้ว “จิ๊งอั๊บ” ซึ่งหมายถึง ปิ่นโต ที่เป็นกล่องใส่ขนมแห้ง จะประกอบไปด้วย ขนมถั่วตัด งาตัด ถั่วเคลือบน้ำตาล ฟักเชื่อม ขนมข้าวพอง เป็นต้น เชื่อกันว่าความหวานของขนมจันอับจะช่วยทำให้ชีวิตราบรื่น
  • ขนมเปี๊ยะ : เป็นสัญลักษณ์ความสิริมงคล ความปรารถนาดีต่อกัน ความสมหวัง ความอุดมสมบูรณ์ และความสมัครสมานสามัคคี นิยมใช้ในงานมงคลไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานหมั้น หรือนำเป็นของขวัญ รวมไปถึงการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และยิ่งถ้านำไปให้ใครถือว่าเป็นการส่งต่อความปรารถนาดีให้กับผู้รับอีกด้วย
  • ผลไม้มงคล : ไม่ว่าจะเป็นส้มสีทอง สับปะรด สาลี่สีทอง แอปเปิ้ลแดง กล้วย เป็นต้น ผลไม้มงคลเหล่านี้สื่อถึงความมหามงคล ความโชคดี การประสบความสำเร็จ ความราบรื่นในชีวิต ร่ำรวยเงินทอง

รู้หรือไม่? ทำไมในวันตรุษจีนต้องให้ส้ม มีความเชื่อและความหมายอะไรซ่อนอยู่ คลิก

การให้อั่งเปา ควรให้ใครและควรให้เท่าไร

   การให้อั่งเปาหรือเรียกอีกอย่างว่าซองแดง เป็นอีกหนึ่งประเพณีที่สำคัญที่ไม่ใช่เพียงแค่การให้เงิน แต่ยังเป็นการอวยพรโชคลาภและความสุขให้กับผู้รับ

   การให้อั่งเปากับเด็กๆ ซึ่งเป็นการอวยพรให้พวกเขามีความโชคดี มีสุขภาพดี และประสบความสำเร็จในชีวิต ถือว่าเป็นการสืบทอดความเป็นมงคลให้กับรุ่นต่อไป

   การให้กับผู้ใหญ่ในครอบครัวเช่น พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ เป็นการแสดงความเคารพ และการอวยพรให้ท่านมีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และอายุยืน

   การให้เพื่อนร่วมงานในบริษัทหรือองค์กร เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเป็นการอวยพรให้กันและกัน หรือจะให้กับคนรัก คู่รัก เป็นการแสดงความรักรวมไปถึงการอวยพรให้โชคดีในวันปีใหม่
   สำหรับการให้อั่งเปาควรให้เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ ความรู้สึก และฐานะทางการเงินของผู้ให้ แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการให้เลข 4 เพราะเสียงในภาษาจีนคล้ายกับคำว่า “ตาย” ซึ่งมีความหมายที่ไม่ดีเลย 

 

ไหว้เทพเจ้า ไหว้วันไหนและเวลาไหน?

   การไหว้เทพเจ้าจะช่วยเสริมความสิริมงคลให้กับชีวิตและบ้านเรือนในวันปีใหม่ ให้มีแต่ความโชคดี ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง รวมไปถึงความสำร็จในทุกๆ ด้านของชีวิต ซึ่งโดยปกติแล้วจะไหว้เทพเจ้าหรือเทพต่างๆ ตั้งแต่เช้าของวันตรุษจีน เพื่อต้อนรับความโชคดีและความสุขที่มาพร้อมกับปีใหม่ และในคืนก่อนวันตรุษจีนที่เรียกกันว่า “คืนส่งเทพเจ้า” ซึ่งเป็นการอธิษฐานให้เทพเจ้าและบรรพบุรุษคุ้มครองครอบครัวในวันปีใหม่

 

   นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดีเช่น การพูดถึงความตายหรือความเศร้าโศก เพราะคนจีนเชื่อกันว่าการพูดเรื่องที่ไม่ดีในวันตรุษจีนจะทำให้ความโชคดีหายไป ฉะนั้นควรพูดแต่สิ่งดีๆ นะครับ เพื่อความสิริมงคลกับตัวเราเอง

บทความอื่นๆ

รู้หรือไม่? ทำไมในวันตรุษจีนต้องให้ส้ม มีความเชื่อและความหมายอะไรซ่อนอยู่!

รู้หรือไม่? ทำไมในวันตรุษจีนต้องให้ส้ม มีความเชื่อและความหมายอะไรซ่อนอยู่!

25/01/2025

วันตรุษจีนถือว่าเป็นเทศกาลที่สำคัญสำหรับวัฒนธรรมจีนเลยนะครับ เป็นเวลาสำหรับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ได้มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่กัน นอกจากได้เจอหน้ากันแล้วยังได้ทานอาหารอร่อยๆ และมีการมอบของขวัญให้กันอีกด้วย และหนึ่งในนั้นมักจะเป็นสิ่งที่เราพบเห็นกันบ่อยๆ ก็คือ การให้ส้มเป็นของขวัญ แต่ทำไมถึงต้องให้ส้มด้วยนะ? และส้มกลายเป็นสัญลักษณ์สำหรับของเทศกาลนี้ได้อย่างไร?

อ่านต่อ
ทำไมสีแดงถึงโดดเด่นในวันตรุษจีน? ความหมายและประเพณีที่เราอาจไม่เคยรู้

ทำไมสีแดงถึงโดดเด่นในวันตรุษจีน? ความหมายและประเพณีที่เราอาจไม่เคยรู้

24/01/2025

คนจีนเชื่อกันว่า “สีแดง” เป็นสัญลักษณ์ของสีที่เป็นสิริมงคล มีความสุข มีความโชคดี มีอายุที่ยืนยาว และยังแสดงถึงความมีพลังอำนาจที่สามารถขับไล่สิ่งอัปมงคลหรือสิ่งที่ไม่ดีได้ โดยในสมัยก่อนในช่วงเทศกาลตรุษจีนได้มีเหตุการณ์คืนส่งท้ายปีมีปีศาจได้ออกมาอาละวาดไปทั่ว ซึ่งปีศาจตัวนี้จะกลัวเสียงดังและกลัวสีแดง คนจีนในสมัยนั้นจึงเลือกแต่งตัวด้วยสีแดงเพื่อป้องกันตัวเองจากปีศาจ เลยทำให้เป็นที่มาว่า สีแดงเป็นสีที่มีพลังอำนาจที่สามารถขับไล่ปีศาจได้ และเชื่อกันว่าตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

อ่านต่อ
6 โรคที่พบบ่อยในช่วงหน้าหนาวที่ต้องเฝ้าระวัง ทั้งโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โรคไอกรน โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน/อาหารเป็นพิษ และโรคติดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสซูอิสหรือโรคหูดับ

6 โรคที่พบบ่อยในช่วงหน้าหนาวที่ต้องเฝ้าระวัง ทั้งโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โรคไอกรน โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน/อาหารเป็นพิษ และโรคติดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสซูอิสหรือโรคหูดับ

04/01/2025

โรคที่ต้องเฝ้าระวังที่มาพร้อมกับหน้าหนาว ได้แก่ โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โรคไอกรน โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน/อาหารเป็นพิษ และโรคติดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสซูอิสหรือโรคหูดับ ซึ่งมักจะระบาดในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากอากาศเย็นทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง และในตอนนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับอากาศหนาวกว่าปกติ อาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในอนาคต และอาจนำไปสู่การระบาดของโรคเหล่านี้อย่างรวดเร็วมากขึ้นหากไม่ได้มีการควบคุมและป้องกันที่เหมาะสม

อ่านต่อ
Uto