การขับรถแซงซ้ายโดยเฉพาะการแซงซ้ายนั้นเป็นอันตรายได้ก็เพราะว่าทางด้านซ้ายเป็นจุดที่อับสายตา และระยะการมองเห็นทางซ้ายจะลดลงจนไม่สามารถมองเห็นรถทางด้านซ้ายได้ และที่สำคัญการแซงซ้ายถือว่าผิดกฎพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 45 ที่ว่าห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นด้านซ้ายนั่นเองครับ
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 คลิก
สำหรับการขับรถแซงที่ผิดวิธีอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้ และการขับรถแซงที่ถูกวิธีจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ
การขับรถแซงหรือผ่านขึ้นหน้าบนทางจราจร
- ผู้ขับขี่ที่ต้องการจะแซงขึ้นหน้าคันอื่นจะต้องให้เสียงสัญญาณก่อนเสมออย่างเช่น การให้สัญญาณไฟกระพริบทางขวาเพื่อเป็นการบอกให้รถคันหลังรู้ว่าจะแซง จากนั้นมองด้านหน้ารถพร้อมกับมองกระจกหลังเสมอว่ามีรถที่กำลังจะแซงหรือสวนทางมาหรือไม่
- เมื่อผู้ขับขี่คันหน้าให้สัญญาณตอบแล้วจึงจะแซงขึ้นหน้าได้นะครับ ส่วนในเวลากลางคืนจะใช้สัญญาณไฟสูงต่ำสลับกันครับ และสำหรับท่านใดที่เห็นว่ารถคันหลังเปิดไฟสูงต่ำสลับกันในเวลากลางคืนก็อย่าเพิ่งคิดว่าเขาหาเรื่องนะครับ นั้นเป็นการให้สัญญาณเพื่อบอกให้รู้ว่าจะแซงนั่นเอง
- เมื่อรถคันหน้าที่ได้รับสัญญาณขอแซงแล้ว ให้ผู้ขับขี่ขับรถให้ช้าลงหรือมีความเร็วต่ำกว่ารถอื่นๆ ที่ขับไปในทิศทางเดียวกันพร้อมกับขับชิดซ้ายเพื่อให้รถที่จะแซงขึ้นหน้าสามารถแซงได้อย่างปลอดภัย
**ห้ามมิให้ผู้ขับแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นเข้าทางด้านซ้าย** เว้นแต่ในกรณีดังนี้
- การขับรถแซงด้านซ้ายนั้นจะทำได้เมื่อไม่มีรถอื่นตามมาในระยะกระชั้นชิด และมีความปลอดภัยเพียงพอ
- รถที่จะถูกแซงนั้นกำลังเลี้ยวขวาหรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
**ห้ามขับรถแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น** ในกรณีดังนี้
- เมื่อรถกำลังเข้าที่คับขัน ขึ้นสะพาน ขึ้นทางชันหรืออยู่ในทางโค้ง
- เมื่อฝนตก มีหมอกควันหรือฝุ่น ที่ทำให้มองไม่เห็นทางข้างหน้าได้
- ก่อนถึงทางข้าม ทางแยก ทางร่วม วงเวียนหรือทางเดินรถไฟในระยะ 30 เมตร
- ห้ามแซงเข้าไปในช่องเดินรถประจำทาง
การขับรถแซงรถยนต์อื่นๆ ผ่านทางจราจร ร่วมทางแยกหรือวงเวียน
- เมื่อผู้ขับขี่รถมาถึงทางร่วมทางแยก ถ้ามีรถอื่นอยู่ในทางร่วมทางแยกนั้นผู้ขับขี่ต้องให้รถทางร่วมทางแยกผ่านไปก่อน แต่ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน และไม่รออยู่ในทางร่วมทางแยกนั้นผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน เว้นแต่ในทางร่วมทางแยกที่มีทางเดินรถทางเอกตัดผ่าน ทางเดินรถทางโท ให้ผู้ขับขี่รถที่ขับในทางเอกนั้นมีสิทธิ์ขับรถผ่านไปก่อนครับ
(ทางเดินรถทางเอกก็คือ ทางเดินรถที่เจ้าพนักงานจราจรได้มีประกาศ และติดตั้งเครื่องหมายจราจรแสดงว่าเป็นทางเดินรถทางออกหรือป้าย “หยุด” อยู่ที่ริมทางร่วมทางแยกนั้น ให้ถือว่าเป็นทางเดินรถทางโท ส่วนทางเดินรถอื่นๆ นอกจากทางเดินรถทางเอกให้ถือว่าเป็นทางเดินรถทางโท)
- ผู้ขับขี่ที่ขับรถออกจากทางบุคคลหรือทางเดินรถในบริเวณอาคารนั้น เมื่อจะขับรถผ่านหรือเลี้ยวเข้าทางเดินที่ตัดผ่านต้องหยุดรอก่อน เพื่อให้รถที่กำลังแล่นอยู่ในทางเดินรถผ่านไปก่อนเมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้วจึงขับต่อไปได้
- และในกรณีที่วงเวียนได้ติดตั้งสัญญาณจราจร ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรนั้นอย่างเคร่งครัด แต่ถ้าไม่มีสัญญาณจราจรหรือไม่มีเครื่องหมายจราจรนั้นๆ เมื่อผู้ขับขี่ได้ขับมาถึงบริเวณที่เป็นวงเวียนจะต้องให้สิทธิ์แก่ผู้ขับขี่ที่ขับรถอยู่ในวงเวียนทางด้านขวาของคนขับผ่านไปก่อนนะครับ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะขับแซงไปทางไหนก็ต้องใจเย็นแล้วไม่หัวร้อนใส่คันอื่นนะครับ อย่าใจร้อนจนเกินไปแล้วบีบแตรหรือขับจี้ตูดคันอื่น อาจจะทำให้มีปัญหาทะเลาะตามมาทีหลังได้ครับ