จะทำอย่างไรดี? หากรถเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม

จะทำอย่างไรดี? หากรถเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม

23/09/2022

   ปัญหาที่ตามมากับฝนเมื่อตกหนักแล้วยิ่งตกแบบติดต่อกันหลายวันจนทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนท้องถนนทำให้ตัวรถเกิดความเสียหาย หรือถ้าถึงขั้นรุนแรงเลยก็อาจเกิดน้ำหลากเข้าไปในบ้านได้ครับ และสำหรับวิธีตรวจเช็คเบื้องต้นว่าน้ำท่วมรถอยู่ในระดับใดและข้อปฏิบัติควรทำอย่างไรเมื่อรถถูกน้ำท่วมเสียหาย มาดูกันเลยค้าบบ

 

ความเสียหายระดับที่ 1 

น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์แต่ไม่ถึงเบาะที่นั่ง

   ระดับน้ำท่วมสูงถึงพื้นรถยนต์ แต่ไม่ถึงระดับของเบาะนั่งนั้นมีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์และชิ้นส่วนของรถยนต์ ดังนี้

  • ระบบเบรกทั้ง 4 ล้อ และผ้าเบรก
  • ห้องเครื่องยนต์ คลัทช์คอมแอร์ สายพานแอร์ และไดสตาร์ท
  • พรมภายในห้องโดยสาร

 

   ข้อปฏิบัติเบื้องต้น

   การที่ล้อและอุปกรณ์ช่วงล่างต่างๆ ถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดสนิมใต้ท้องรถได้นะครับ รวมถึงระบบเบรกของทั้ง 4 ล้อ และผ้าเบรกก็ควรทำการตรวจเช็คให้เรียบร้อย ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบไดสตาร์ทว่าได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด สำหรับไดสตาร์ทได้ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานแต่เมื่อได้รับความเสียหายจากน้ำเข้าก็สามารถก่อปัญหาแก้รถในระยะยาวได้นั่นเองครับ

   นอกจากนี้หากพื้นพรมที่รถเกิดเปียกชื้นแสดงว่าน้ำได้มีการซึมเข้ามาภายในรถ ให้ทำการถอดพรมออกไปซักและตากแดดให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นอับชื้นนะครับ และอย่าลืมล้างภายนอกรถให้สะอาดด้วยนะโดยเฉพาะใต้ท้องรถหรือตามซุ้มล้อต่างๆ เพื่อล้างคราบโคลนสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ภายใต้ท้องรถครับ

 

ความเสียหายระดับที่ 2 

ระดับน้ำท่วมเข้าถึงเบาะนั่ง

   ระดับน้ำท่วมสูงถึงเบาะนั่งนั้นมีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์และชิ้นส่วนของรถยนต์ ดังนี้

  • ห้องเครื่องยนต์ กล่อง ECU แบตเตอรี่ พัดลมระบายความร้อน เครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง ระบบเกียร์ น้ำมันเกียร์ ขั้วสายไฟต่างๆ พวงมาลัยไฟฟ้า EPS
  • ไฟหน้าและไฟท้าย
  • เบาะนั่ง
  • แผงวงจรประตู สวิตช์แผงประตู และระบบเซ็นทรัลล็อก
  • ชุดตู้แอร์
  • ห้องสัมภาระ

 

   ข้อปฏิบัติเบื้องต้น

   สำหรับในกรณีที่น้ำท่วมสูงถึงเบาะนั่งนั้นให้นำรถขึ้นจากน้ำก่อน เมื่อนำขึ้นมาแล้วห้ามสตาร์ทรถหรือบิดกุญแจไปที่ ON โดยเด็ดขาด เพราะระดับความสูงของน้ำจะสร้างความเสียหายภายในห้องเครื่องยนต์ ดังนั้นควรถอดแบตเตอรี่ออกในทันทีนะครับ พร้อมกับตรวจสอบอุปกรณ์อื่นๆ อย่างเช่นพัดลมระบายความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการถ่ายเทความร้อนของห้องเครื่องหรือกล่อง ECU ที่เป็นเสมือนสมองกลไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์นั่นเองครับ และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือระบบเกียร์ ระบบของเหลว ระบบหล่อลื่นต่างๆ ของรถ และควรทำการไล่ความชื้นออกจากตัวรถครับ

 

ความเสียหายระดับที่ 3 

ระดับน้ำท่วมถึงคอนโซลหน้าหรือมิดหลังคา

   การโดนน้ำท่วมระดับที่สูงถึงคอนโซลหน้าหรือมิดหลังคา คือระดับที่สร้างความเสียหายสูงที่สุด ซึ่งมีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์และชิ้นส่วนของรถยนต์ ดังนี้

  • ตัวถังสีภายนอก
  • ไฟหน้าและไฟท้าย
  • ห้องเครื่องยนต์ ที่กรองอากาศ ไดชาร์จ ชุดหัวเทียน มอเตอร์ปัดน้ำฝน แผงคอนเดนเซอร์แอร์ หม้อน้ำ
  • ของเหลวต่างๆ ที่สำคัญในอุปกรณ์ที่น้ำท่วมถึงอย่างเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัย และน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง
  • อุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสารอย่างเช่น ชุดควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอล วิทยุ คอนโซลหน้า ระบบถุงลมนิรภัย ระบบไฟส่องสว่างต่างๆ ผ้าหลังคา ม่านถุงลม ซันรูฟ ช่องแอร์ เป็นต้น
  • มอเตอร์พัดลมแอร์
  • หน้าปัดเรือนไมล์
  • ขอบยางประตู

 

   ข้อปฏิบัติเบื้องต้น

   ความเสียหายในระดับที่ 3 นี้จะเป็นระดับที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้วห้ามทำการสตาร์ทรถหรือบิดกุญแจไปที่ ON โดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายอย่างมากและระบบไฟฟ้าอาจเกิดลัดวงจรได้นะครับ ให้ทำการรีบถอดแบตเตอรี่ออกในทันทีเลยนะครับ และหากพบว่ามีน้ำเข้าไปควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ จากนั้นให้รีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจเช็คของเหลวภายในรถอย่างเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็นหรือสารหล่อลื่นอย่างจาระบี และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่แผงหน้าปัดและคอนโซลจะต้องถอดมาทำความสะอาดและเป่าให้แห้งทั้งหมด 

เมื่อรถโดนน้ำท่วม สามารถเคลมประกันได้หรือไม่?

   เหตุการณ์น้ำท่วมเป็นเหตุการณ์ที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงๆ ในกรณีนี้หลายท่านคงสงสัยว่าจะสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ ซึ่งปกติแล้วประกันภัยรถยนต์จะมีความคุ้มครองเรื่องภัยธรรมชาติรวมอยู่ด้วย ซึ่งความเสียหายที่เกิดจากการน้ำท่วมมีทั้งเสียหายโดยชิ้นเชิง และเสียหายบางส่วน ซึ่งการจ่ายค่าสินไหมทดแทนรวมถึงการให้ความคุ้มครองซ่อมแซมรถจะแตกต่างกันไปด้วยนะครับ

   เสียหายโดยสิ้นเชิง : คือสภาพที่ถูกน้ำท่วมรถมิดคันหรือเกินช่วงคอนโซลหน้า ซึ่งสร้างความเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแล้วกลับมาให้อยู่ในสภาพเดิมได้ ทางบริษัทประกันภัยจะเสนอคืนทุนประกันทดแทนให้ประมาณ 70-80% ของทุนประกันเพื่อเป็นการรับโอนหรือซื้อซากรถนั้นแทนครับ

   เสียหายบางส่วน : จะเป็นรถที่ได้รับความเสียหายเพียงบางส่วน และบริษัทประกันรถจะมองว่ายังมีสภาพที่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ซึ่งทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถให้ทั้งหมดหรือตกลงชดใช้เป็นเงินจำนวนเท่ากับราคาซ่อมที่ประเมิน

 

กรณีใดที่ประกันจะจ่ายหรือไม่จ่ายให้

   กรณีที่ประกันจ่าย

  • เกิดจากภัยธรรมชาติจนน้ำเข้ารถจนได้รับความเสียหายอย่างเช่น จอดรถไว้หน้าบ้านแล้วเกิดฝนตกอย่างหนักจนเกิดน้ำท่วมหรือเกิดน้ำหลากจนไม่สามารถย้ายรถหนีได้ทันครับ
  • สถานการณ์รถติดอยู่บนถนนและไม่สามารถขยับรถหนีได้ จนทำให้เกิดน้ำท่วมตัวถังรถและได้รับความเสียหาย สถานการณ์แบบนี้จึงถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

   กรณีที่ประกันไม่จ่าย

  • เจ้าของรถเกิดความประมาทหรือจงใจให้รถนั้นตกอยู่ในสถานการณ์น้ำท่วมจนเกิดความเสียหายอย่างเช่น การขับรถเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมส่งผลทำให้รถเกิดความเสียหาย โดยที่มีการประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าหรือมีป้ายเตือนแล้วนั่นเองครับ
  • สตาร์ทรถเมื่ออยู่ในสภาพที่ถูกน้ำท่วมมาแล้ว เพราะพิจารณาได้ว่าผู้เอาประกันมีเจตนาสตาร์ทรถ ทั้งที่ยังทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายอีกด้วย

 

เกิดความเสียหายจากน้ำท่วม 

สามารถเคลมประกันได้หรือไม่?

   สำหรับรถที่เกิดความเสียหายและเข้าข่ายที่สามารถเคลมประกันได้นั้น มีขั้นตอนดังนี้ครับ

  1. ถ่ายรูปรถในขณะที่ยังมีน้ำท่วมขัง โดยถ่ายให้เห็นป้ายทะเบียนรถด้วยนะครับ (ในกรณีที่ไม่ได้ท่วมจนมิดคัน) เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่ารถคันนี้เกิดเหตุจริงๆ พร้อมกับเอกสารเกี่ยวกับตัวรถและกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ให้พร้อม ซึ่งควรมีฉบับสำรองเตรียมเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินนะครับ เอกสารเกี่ยวกับเจ้าของรถอย่างเช่น ใบขับขี่ สำเนาบัตรประชาชน
  2. โทรแจ้งบริษัทประกันที่ทำประกันรถยนต์เอาไว้ให้มาตรวจสอบเพื่อประเมินความเสียหาย
  3. เลือกศูนย์บริการที่ต้องการนำรถเข้าซ่อม เพื่อทำการประเมินราคา
  4. เอการอนุมัติจากบริษัทประกันภัยที่ทำอยู่
  5. เมื่อเอกสารผ่านการอนุมัติแล้ว ก็สามารถนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการตามที่ได้เลือกไว้ได้เลยครับ

   จะเห็นได้ว่าการทำประกันภัยรถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามหรือมองว่าไม่จำเป็นนะครับ เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นมาอย่างน้อยประกันก็ช่วยเราได้นั่นเองครับ หากสนใจทำประกันภัยรถยนต์ที่ ยูไนเต็ด ฮอนด้า ติดต่อทาง Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ


NEW HONDA CITY TURBO

เริ่มต้น 629,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 6,900 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

ประมาทร่วม! คู่กรณีชนแล้วหนีหรือไม่มีประกัน ควรทำอย่างไรและประกันจะจ่ายให้เราไหม?

ประมาทร่วม! คู่กรณีชนแล้วหนีหรือไม่มีประกัน ควรทำอย่างไรและประกันจะจ่ายให้เราไหม?

12/11/2024

การประมาทร่วม เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากการความประมาทของทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการขับขี่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดการประมาทร่วมมักจะมาจากความประมาทเลินเล่อไม่ว่าจะเป็นการไม่ระวัง การขาดสมาธิ ความเร่งรีบ การไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างการขับรถเร็วเกินที่กำหนด ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับฝ่าสัญญาณไฟแดงหรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างป้ายจราจรที่ไม่ชัดเจน รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การใช้โทรศัพท์ในขณะที่กำลังขับขี่ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือการขับขี่ที่เป็นเวลานาน

อ่านต่อ
ระวัง! ขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนโดนปรับไม่รู้ตัว ยิ่งมือใหม่ที่เพิ่งออกรถขับป้ายแดงยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย

ระวัง! ขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนโดนปรับไม่รู้ตัว ยิ่งมือใหม่ที่เพิ่งออกรถขับป้ายแดงยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย

11/11/2024

การขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนอาจมีผลต่อความปลอดภัย เนื่องจากรถป้ายแดงหมายถึงรถใหม่ที่ยังไม่ผ่านการจดทะเบียนเต็มตัว ผู้ขับขี่อาจมีความไม่คุ้นชินกับรถหรือสภาพถนนในเวลากลางคืน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การมองเห็นและความชัดเจนในการมองก็อาจลดลง ทำให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม รถป้ายแดงจะต้องมีแสงไฟและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่จำเป็นซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน

อ่านต่อ
จุดบอด... อันตรายใกล้ตัวที่คุณอาจมองข้าม

จุดบอด... อันตรายใกล้ตัวที่คุณอาจมองข้าม

04/11/2024

จุดบอดเป็นพื้นที่ที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นยานพาหนะหรือวัตถุรอบข้างได้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว จุดบอดมีความอันตรายสูงโดยเฉพาะในพื้นที่การจราจรหนาแน่น เทคนิคในการลดจุดบอดมีหลายอย่าง เช่น การใช้กระจกมองข้างที่มีขนาดใหญ่ขึ้น การติดตั้งเซ็นเซอร์ช่วยเตือน รวมถึงการปรับระยะการขับขี่ให้เหมาะสมและสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ อย่างสม่ำเสมอ

อ่านต่อ
Uto