ทราบหรือไม่ครับว่า ลักษณะของอาการยางแบนหรือยางรั่วนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นได้ในขณะที่ขับรถยนต์ ในบางครั้งผู้ขับขี่อาจจะไม่ได้สังเกตหรืออาจละเลยไป สำหรับจุดสังเกตว่ายางแบนเกิดขึ้นที่ด้านหน้าหรือหลังก็ง่ายๆ เลยครับ
- หากยางหน้าแบน สังเกตได้จากลักษณะของรถจะไถลไปข้างใดข้างหนึ่ง
- หากยางหลังแบน ลักษณะอาการของรถจะวิ่งส่ายไปมา
สำหรับสิ่งที่ต้องปฏิบัติเมื่อรถยางแบน
- ตั้งสติ ชะลอความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน
- คอยๆ ประคองพวงมาลัยให้มั่นคง และค่อยๆ กดเบรก
- เปิดไฟฉุกเฉินพร้อมระวังรถที่ตามมาด้านหลัง
- ประคองรถเพื่อเข้าไหล่ทางด้านซ้าย โดยเลือกหาที่จอดที่เป็นพื้นเรียบและแข็ง
- ทำการเปลี่ยนยางรถ
**ห้ามดึงเบรกมือเด็ดขาดเพราะจะทำให้รถหมุน แต่ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาห้ามเหยียบคลัทช์นะครับ
แต่ถ้าหากเป็นรอยเล็กก็สามารถนำไปซ่อมแทนได้นะครับ อย่างการโดนตะปูหรือวัสดุอื่นๆ ทิ่ม สามารถนำไปซ่อมได้โดยรอยนั้นจะอยู่ในพื้นที่ดอกยางและไม่เกิน ¼ นิ้วเส้นผ่าศูนย์กลาง และสำหรับวิธีรับมือเบื้องต้นเมื่อยางรถยนต์มีปัญหานั้นก็คือการนำไป ปะยาง ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วครับ และการปะยางมีอยู่ 2 วิธี
- การปะยางแบบน้ำปะยางกับปั๊มลมไฟฟ้า การปะยางด้วยวิธีนี้สามารถทำได้ง่ายๆ เลยครับ แต่ต้องระวังด้วยนะครับเพราะว่าวิธีนี้สามารถใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
- การปะยางแบบแทงไหม เป็นการปะยางแบบชั่วคราวที่ช่วยแก้ไขยางรั่วได้อย่างปลอดภัย การปะยางแบบแทงไหมนี้จะเหมาะกับรอยรั่วที่มีขนาดเล็กเท่านั้นนะครับ
เมื่อทำการปะยางแล้วควรขับขี่อย่างระมัดระวังและนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อทำการตรวจสอบยางรถยนต์ด้วยนะครับ
หากยางแบนหรือความดันลมยางรถยนต์ที่ต่ำเกินไปควรเติมลมยางทันทีเพื่อเป็นการลดการสึกหรอของยางรถยนต์ สำหรับการเติมลมยางว่าควรเติมลมยางที่เท่าไรนั้นมีดังนี้ครับ
- เติมลมยางรถเก๋งหรือรถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมลมยางที่แรงลม 25-30 ปอนด์
- รถยนต์ขนาดกลาง ควรเติมลมยางที่แรงลม 30-35 ปอนด์
- เติมลมยางรถกระบะ (ไม่บรรทุก) ควรเติมลมยางที่แรงลม 35-40 ปอนด์
- รถตู้บรรทุก 7-10 คน ควรเติมลมยางที่แรงลม 43-55 ปอนด์
การเติมลมยางรถยนต์ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและนำหนักที่บรรทุก สำหรับการเติมลมยางนั้นสามารถแบ่งออกได้ 2 แบบครับ
- เติมลมยางธรรมดา การเติมแบบนี้เป็นการเติมที่ทุกๆ ท่านคุ้นเคยกันอยู่แล้วครับ เป็นการเติมที่หาได้ง่ายมีบริการเกือบทุกปั๊มน้ำมันนั่นเองครับ
- เติมลมไนโตรเจน ซึ่งในปัจจุบันมีผู้หันมาเติมลมยางไนโตรเจนกันมากขึ้นเพราะการเติมลมแบบไนโตรเจนจะมีความเสถียรมากกว่า ส่วนการเติมลมยางแบบธรรมดาจะมีก๊าซและไอน้ำปะปนกันอยู่ส่วนหนึ่ง จึงทำให้รั่วซึมง่ายกว่าการเติมลมแบบไนโตรเจน
สำหรับท่านใดที่เติมลมยางแบบธรรมดาอยู่แล้วจะหันมาเติมลมไนโตรเจน ซึ่งการเติมทั้ง 2 แบบผสมกันจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียอย่างแน่นอนครับ เพียงแต่การเติมผสมกันจะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานของลมไนโตรเจนลดน้อยลงนั่นเองครับ จนเหมือนเติมลมธรรมดาได้ทำงานมากกว่าเติมไนโตรเจน เพื่อให้ลมไนโตรเจนได้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุดไม่ควรจะเติมผสมกันนะครับ
อย่างไรก็ตาม หากต้องเดินทางไกลอย่าลืมตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ด้วยนะครับ รวมถึงตรวจเช็คส่วนอื่นๆ ของตัวรถยนต์ด้วย เพื่อความปลอดภัยต่อตัวท่านเองและเพื่อนร่วมทางนั่นเอง แต่ถ้าหากไม่มั่นใจสามารถนำรถเข้ามาตรวจเช็คได้ที่ ยูไนเต็ด ฮอนด้า Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ