วิธีดูแลรถหลังน้ำท่วม

วิธีดูแลรถหลังน้ำท่วม

12/03/2020

   ปัญหาอุทกภัยได้สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อทรัพย์สิน สิ่งใดสามารถเคลื่อนย้ายได้ก็ย้าย แต่ถ้าหากเคลื่อนย้ายไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้จมน้ำไปตามสภาพการณ์ ซึ่งถ้ามองดูแล้วทรัพย์สินจำพวกรถยนต์ เป็นทรัพย์สินที่ผู้คนหวงมากเป็นลำดับต้นๆ เพราะมีมูลค่าสูง ไม่สามารถยกขึ้นที่สูงหนีน้ำได้และถ้าจมน้ำ ย่อมหมายถึงการเสียหายในทันที ดังนั้นจะเห็นได้ว่า หลายคนจึงนำรถไปจอดบนอาคารสูงหนีน้ำท่วมก่อน ใครสามารถจอดทันก็โชคดี แต่ถ้าจอดไม่ทันขึ้นมาก็คงหนีไม่พ้นการจมน้ำ

   เรามีวิธีดูแลรถหลังน้ำท่วมเบื้องต้นมาฝาก จะมีอะไรบ้างมีดูกันครับ

 

ห้ามสตาร์ทรถ

   สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ อย่าสตาร์ทรถเด็ดขาด ให้ปลดขั้วแบตเตอรี่ออกทันทีโดยจะปลดแค่ขั้วบวก ขั้วลบหรือทั้ง 2 ขั้ว เพื่อเป็นการป้องกันกระแสไฟฟ้าเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆ ภายในตัวรถและเครื่องยนต์ ยกเว้นรถยนต์ที่ต้องใช้รีโมทกดเพื่อปลดล็อคต้องเข้าศูนย์อย่างเดียว
 

ตรวจเครื่องยนต์

   ตรวจดูเครื่องยนต์ว่าไม่มีเศษอะไรติดอยู่ที่ตัวเครื่อง จากนั้นใช้ไดร์เป่าผมเป่าเพื่อไล่ความชื้น หรือสเปรย์ไล่ความชื้นฉีดให้ทั่ว รวมถึงบริเวณใต้ท้องรถและล้อ

 

ฟิลเตอร์เครื่องปรับอากาศ

   ฟิลเตอร์เครื่องปรับอากาศให้ฆ่าเชื้อออกให้หมด เพื่อคุณภาพของอากาศที่จะหมุนเวียนในรถตอนเปิดแอร์

 

เปิดประตู

   เปิดประตูรถทั้งหมดเพื่อไล่ความอับชื้น และถอดเบาะทั้งหมด นำพรมปูพื้นเอามาซักทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นานจะเหม็นอับอาจเกิดเชื้อราได้

 

ของเหลว

   น้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง ดูว่ามีสีชาหรือเปล่า ถ้าใช่แสดงว่ามีน้ำเข้าไปปนอยู่ด้วย ต้องรีบเปลี่ยนถ่ายทิ้งเพราะสนิมอาจขึ้นได้ แต่ถ้าหากเปลี่ยนไม่เป็น แนะนำอย่าทำเองนะครับ ให้ส่งเข้าศูนย์เพื่อให้ช่างที่เชี่ยวชาญทำตามขั้นตอน

 

แผงหน้าปัดรถยนต์

   แผงหน้าปัดรถยนต์ ควรตากแดดแรงๆ เพื่อไล่ความชื้น

 

ลูกปืน

   ลูกปืนล้อทั้งหน้าและหลัง ควรนำออกมาล้างอัดจารบีใหม่ ตอนใส่กลับคืนต้องใส่ให้แน่นแบบพอดีนะ ไม่แน่นเกินไปจนล้อหมุนฝืด

 

หัวเทียน

   เมื่อทุกอย่างแห้งสนิทก็ทยอยใส่ทุกอย่างที่ถอดออกมาจากห้องเครื่องเข้าที่เดิมให้เรียบร้อย ยกเว้นหัวเทียน ในกรณีรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินหรือหัวฉีด แต่ถ้าเป็นเครื่องดีเซล ให้ใส่แบตเตอรี่ก่อนใส่ขั้วแบตเตอรี่ แล้วค่อยสตาร์ทเครื่อง ซึ่งในจังหวะแรก ถ้าเกจ์วัดยังไม่ทำงานไม่ต้องตกใจ ให้เปิดสวิตช์ค้างไว้แล้วมาดูที่ห้องเครื่อง ว่ามีควันหรือความร้อนเกิดขึ้นจากการใช้ไฟจากแบตเตอรี่หรือไม่ ถ้าไม่มีและทุกอย่างปกติ จึงค่อยบิดกุญแจเปิดสวิตช์

 

   ในกรณีที่รถยนต์จมน้ำท่วมสูงมากจนถึงหลังคารถหรือท่วมทั้งคันเป็นระยะเวลานานหลายวัน  หากไม่มั่นใจว่าจะแก้ไขได้หรือไม่ หรือตรวจสอบไม่ทั่วถึงในบางขั้นตอนแนะนำว่าให้นำรถเข้าศูนย์ที่ได้มาตรฐานตรวจสอบจะดีที่สุด เพื่อให้ช่างตรวจสอบระบบไฟฟ้าตามจุดต่างๆ ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติเช่นเดิม

บทความอื่นๆ

คนมีรถต้องรู้! อยากเคลมเร็ว เคลมผ่านในครั้งเดียว รวมวิธีเคลมประกันให้เร็วแล้วไม่โดนเทโดยไม่ต้องง้อใคร

คนมีรถต้องรู้! อยากเคลมเร็ว เคลมผ่านในครั้งเดียว รวมวิธีเคลมประกันให้เร็วแล้วไม่โดนเทโดยไม่ต้องง้อใคร

18/06/2025

การมีรถยนต์ส่วนตัวสักคันหนึ่ง นอกจากเรื่องของการขับขี่ที่ปลอดภัยแล้วสิ่งที่เจ้าของรถทุกท่านต้องรู้เลยก็คือ วิธีเคลมประกันภัยรถยนต์ ให้เร็วและไม่โดนเทจากบริษัทประกัน เพราะในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ ความรวดเร็วและความเข้าใจในขั้นตอนการเคลมเป็นสิ่งที่จะช่วยให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้นั่นเองครับ

อ่านต่อ
รู้ไว้ก่อนพัง! ผลเสียของการไม่เช็กผ้าเบรก รถพัง เบรกไม่อยู่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่ารอให้สายเกินไป

รู้ไว้ก่อนพัง! ผลเสียของการไม่เช็กผ้าเบรก รถพัง เบรกไม่อยู่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่ารอให้สายเกินไป

17/06/2025

อีกหนึ่งระบบในความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดของรถยนต์ แต่หลายท่านมักจะมองข้ามไปหรือรอจนเกิดปัญหาแล้วค่อยมาแก้ไขทีหลังเมื่อสายไปแล้ว ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยทั้งของตัวเราและเพื่อนร่วมทางควรทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยครับ

อ่านต่อ
ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้หรือไม่? ข้อดี-ข้อเสีย ที่เจ้าของรถต้องรู้

ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้หรือไม่? ข้อดี-ข้อเสีย ที่เจ้าของรถต้องรู้

14/06/2025

ข้อเท็จจริงที่คนมีรถต้องรู้ ก่อนที่จะตัดสินใจไม่ซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 การมีรถยนต์ส่วนตัวในยุคนี้แทบจะกลายเป็นปัจจัย 5 ของชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความสะดวกสบายของตัวเราเองทั้งในการเดินทาง ช่วยประหยัดเวลา ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่คำถามที่ตามมาสำหรับเจ้าของรถก็คือ จำเป็นต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือไม่? ยิ่งในปัจจัยนี้ที่ต้องประหยัดทุกบาททุกสตางค์ สำหรับคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งข้อดีและข้อเสีย และสิ่งที่ควรพิจราณก่อนตัดสินใจมีอะไรบ้าง แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แต่กฎหมายบังคับเฉพาะ พ.ร.บ. เท่านั้น แต่การตัดสินใจทำหรือไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับบความเสี่ยงและความพร้อมในการรับผิดชอบของเจ้าของรถนั่นเองครับ

อ่านต่อ
Uto