8 วิธีขับรถขณะฝนตกให้ปลอดภัย

8 วิธีขับรถขณะฝนตกให้ปลอดภัย

12/03/2020

   อุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นง่ายคือในช่วงที่มีฝนตก ยิ่งอากาศบ้านเราด้วยแล้วเหมือนจะมีเพียงแค่ 2 ฤดูเท่านั้น คือ ฤดูร้อนกับฤดูฝน เป็นหลัก บางครั้งในช่วงฤดูหนาวก็กลายเป็นฤดูร้อนก็มี ฝนตกก็เช่นกัน ไม่มีอะไรแน่นอน และช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดก็คือช่วงหน้าฝนหรือช่วงที่มีพายุเข้านั้นเอง เนื่องจากถนนเปียก ลื่นและทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี เรามีข้อแนะนำง่ายๆ 8 วิธี ในการขับรถขณะฝนตกอย่างปลอดภัยมาฝาก

 

ใบปัดน้ำฝน

   ที่ปัดน้ำฝนเป็นสิ่งที่แรกที่ควนเปิดใช้งาน โดยเปิดใบปัดน้ำฝนเมื่อฝนเริ่มต้น เริ่มจากระดับกลางๆ ก่อนแล้วค่อยปรับความหน่วงตามระดับของฝนอีกที ในการขับรถหน้าฝน ใบปัดน้ำฝนเสมือนเป็นดวงตาของเราเลยนะครับ เพราะช่วยให้เรามองเห็นทางเมื่อฝนตก ดังนั้นควรดูแลยางที่ก้านปัดน้ำฝนด้วยนะ สังเกตได้จากเสียงที่ดังเวลาที่เราปัดน้ำออกหรือไม่ครับ ถ้าเริ่มมีเสียงเอี๊ยดดังสนั่นนั้นก็ควรเปลี่ยนยางที่ก้านปัดน้ำฝนได้แล้วนะครับ

 

น้ำฉีดกระจก

   การใช้น้ำฉีดกระจกในช่วงที่ฝนเริ่มตก ก็เพราะว่าน้ำที่กระเด็นจากการดีดจะมีลักษณะเหนียวคล้ายโคลน ในกรณีนี้แม้จะใช้เปิดก้านปัดน้ำฝนปัดก็ไม่สามารถปัดออกได้หมด ฉะนั้นควรใช้น้ำฉีดกระจกช่วยเพื่อชะล้างคราบโคลน แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ไม่ควรฉีดน้ำในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจน และอาจเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ

 

ไฟหน้าและไฟท้าย

   ควรเปิดไฟหน้ารถและไฟท้ายเพื่อให้รถคันที่ขับตามเรามามองเห็นท้ายรถเราและกะระยะห่างจากรถเราได้ถูก ที่สำคัญการเปิดไฟหน้ารถตอนขับรถหน้าฝนทำให้เรามองเห็นทางได้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้าฝนตกหนักมากบางครั้งควรเปิดไฟสูงเพื่อเพิ่มระยะในการมองเห็นให้มากยิ่งขึ้น และถ้าฝนตกหนักมากจริงๆ จนมองไม่เห็นทางแนะนำให้หาที่จอดรถที่ปลอดภัยข้างทางก่อน รอจนฝนซาแล้วค่อยเดินทางต่อนะครับ

 

ลดความเร็ว

   ให้ลดความเร็วในขณะที่ฝนตก ช่วงที่ฝนเริ่มตกใน 10 นาทีแรก เป็นช่วงที่รถมีโอกาสลื่นไถลมากที่สุด เพราะน้ำฝนจะชะล้างคราบดินและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนนซึ่งมีลักษณะคล้ายการละเลงโคลน ดังนั้น การลดความเร็วของรถเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งระดับความเร็วที่ทำให้รถไม่เกิดการลื่นไถล คือ 60 กม./ชม. ครับ

 

เว้นระยะห่าง

   ไม่ควรขับรถประชิดคันหน้าจนเกินไป เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ทำให้ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น ผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าการขับขี่ในช่วงปกติ 10-15 เมตร เพื่อให้สามารถหยุดรถได้ทัน

 

ห้ามเยียบเบรก

   ขณะที่รถเกิดอาการลื่นไหล ข้อระวังก็คือการเหยียบเบรก ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะจะทำให้รถพลิกคว่ำได้ ให้แก้ไขด้วยการถอนคันเร่งและควบคุมพวงมาลัยให้มั่นคง แล้วพยายามลดความเร็วโดยใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะทรงตัวได้ จึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถนะครับ

 

สภาพยาง

   ควรตรวจสอบสภาพยาง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบสภาพยางใบปัดน้ำฝน ระบบสัญญาณไฟให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และหมั่นเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ และเลือกใช้ยางที่มีดอกยางละเอียด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ตลอดจนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่มากกว่าปกติ และไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูง ที่สำคัญเว้นระยะห่างจากรถคันอื่นให้มากกว่าปกติ

 

สภาพถนน

   ขณะขับขี่ให้พยายามมองสภาพถนน โดยขับผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขังน้อยที่สุด และใช้ความระมัดระวังในการขับผ่านถนนที่มีลักษณะนูนเป็นหลังเต่าจะทำให้รถเบี่ยงออกนอกเส้นทาง และไม่ควรขับรถเร็วเกินไปเพราะน้ำอาจกระเด็นเข้าเครื่องยนต์ อีกทั้งอาจกระเด็นจากรถคันอื่นเข้าไปในห้องเครื่อง และทำให้เครื่องยนต์ดับรวมถึงการควบคุมรถได้ยากขึ้นนะครับ ที่สำคัญหากน้ำท่วมสูงอย่าขับรถลุยน้ำโดยเด็ดขาด เพราะรถอาจถูกพัดไปตามกระแสน้ำได้ อันนี้อันตรายมากๆ เลยนะ

 

     ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบระบบสัญญาณไฟให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเสมอนะครับ และเลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีดอกยางละเอียดเพราะจะทำให้เกาะถนนได้ดี และควรเติมลมยางให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ยางมีกำลังในการรีดน้ำดียิ่งขึ้น เพียงเท่านี้ก็ขับรถได้อย่างปลอดภัยหายห่วงในช่วงฝนตกแล้วครับ


NEW HONDA HR-V e:HEV

เริ่มต้น 949,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 11,000 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

จอดรถอยู่เฉยๆ แล้วโดนชน! ต้องทำอย่างไรและใครเป็นคนรับผิดชอบ? ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง

จอดรถอยู่เฉยๆ แล้วโดนชน! ต้องทำอย่างไรและใครเป็นคนรับผิดชอบ? ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง

18/04/2025

รถเราจอดอยู่เฉยๆ แต่ดันโดนชนซะงั้น! ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรอยขูด รอยบุบหรือชนจนพังเสียหาย หลายท่านอาจไม่แน่ใจหรือไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ และยิ่งถ้าเราไม่ทราบว่าใครเป็นคนชนแล้วแบบนี้ประกันสามารถช่วยอะไรเราได้บ้างหรือไม่? แต่ถ้ามีแค่ พ.ร.บ. จะไม่สามารถเคลมได้ เพราะ พ.ร.บ. จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิตและร่างกาย จะไม่ครอบคลุมการซ่อมรถ ฉะนั้นควรทำประกันภาคสมัครใจด้วยนะครับ เพื่อจะได้คุ้มครองในกรณีที่จอดรถไว้แล้วโดนชน

อ่านต่อ
รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไร? รวมสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ไขด้วยตัวเองแบบละเอียด

รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไร? รวมสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ไขด้วยตัวเองแบบละเอียด

17/04/2025

รถเจ้ากรรม! ตื่นเช้ามากำลังรีบไปทำงานแต่เจ้ากรรมดันสตาร์ทไม่ติด เชื่อเลยครับว่าหลายๆ ท่านต้องเคยเจอสถานการณ์แบบนี้แน่ๆ แล้วเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเลยทีเดียวเพราะอาการเหล่านี้ทำให้เราไปทำงานสายนั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วสาเหตุหรือปัญหาที่รถสตาร์ทไม่ติดมีหลายสาเหตุ และหลายอย่างที่เราสามารถตรวจเช็กหรือแก้ไขได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องโทรหาช่างเสมอไปครับ เราจะได้รู้เท่าทันปัญหาของการสตาร์ทรถไม่ติด และสามารถตรวจเช็กเบื้องต้นได้ด้วยตนเองได้อย่างมั่นใจเพราะในบางครั้งอาการที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงแค่อาการเล็กน้อยที่ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องเสียเงินหรือเสียเวลานั่นเองครับ

อ่านต่อ
ไขข้อสงสัย ต่อประกันล่วงหน้ากี่วันถึงจะดี? พร้อมเคล็ดลับเลือกต่อให้คุ้มที่สุด

ไขข้อสงสัย ต่อประกันล่วงหน้ากี่วันถึงจะดี? พร้อมเคล็ดลับเลือกต่อให้คุ้มที่สุด

11/04/2025

การต่อประกันภัยรถยนต์ล่วงหน้าเป็นเรื่องที่สำคัญที่หลายๆ ท่านอาจมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยให้เราไม่ขาดความคุ้มครองแล้วยังมีผลประโยชน์อื่นๆ อีกด้วย และในเรื่องการต่อประกันภัยรถยนต์ควรต่อประกันล่วงหน้ากี่วันถึงจะดี? พร้อมกับเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้เราวางแผนได้อย่างเหมาะสม 1-3 เดือน เหมาะสม ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะมีโอกาสที่ได้เลือกได้ตามใจและอาจต่อ พ.ร.บ. และภาษีได้พร้อมกันทีเดียว 7 วัน ค่อนข้างกระชั้นชิด อาจทำให้เราไม่ได้ประกันภัยรถยนต์ที่ตรงใจมากที่สุด 1 วัน เสี่ยงเกินไป ถือเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้าง “เสี่ยงเกินไป” เพราะประกันภัยรถยนต์ส่วนใหญ่จะให้คุ้มครองถึงแค่เวลา 16.30 น. ของวันหมดอายุตามเอกสารกรมธรรม์ระบุไว้

อ่านต่อ
Uto