รู้หรือไม่? การปรับพวงมาลัยให้เหมาะสมกับสรีระของร่างกายของผู้ขับขี่ ไม่ใช่แค่เรื่องของความสบายแต่ยังส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในขณะที่กำลังขับขี่อีกด้วย ไม่ว่าเราจะเพิ่งอออกรถมาใหม่หรือใช้รถคู่ใจมานานแล้วก็ตาม สำหรับเคล็ดไม่ลับของคนที่มีรถต้องรู้เกี่ยวกับการปรับพวงมาลัย ปรับง่ายหรือยากแค่ไหนมาดูกันครับ
เลี่ยงด่วน 6 พฤติกรรมเสี่ยง! ทำรถพังเร็วที่เจ้าของรถมักพลาด พร้อมวิธีแก้ง่ายๆ คลิก

ทำไมต้องปรับ?
การปรับพวงมาลัยไม่ใช่เป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยนะครับ เพราะสามารถส่งผลกระทบต่อในหลายๆ เรื่อง
- ท่าทางการขับขี่ที่ถูกต้อง หากเราปรับพวงมาลัยให้เข้ากับสรีระร่างกายแล้วจะสามารถช่วยลดความปวดเมื่อยจากการขับรถนานๆ ได้
- ความสามารถในการควบคุมรถ จะสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
- ความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเราสามารถบังคับหรือหักหลบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรับอย่างไรให้พอดี!
ปรับเบาะ
ก่อนที่จะปรับพวงมาลัยควรเริ่มจากการปรับเบาะของผู้ขับขี่ก่อนเสมอนะครับ โดยจะต้องปรับให้เหมาะกับสรีระของเราก่อน
- นั่งให้หลังแนบพนักพิง
- ลองวางขาเหยียบที่คันเร่งและเบรกได้เต็มที่ โดยที่ไม่ต้องยืดขาจนสุด
- เข่าควรงอเล็กน้อยในขณะที่เหยียบแป้นเบรก
ปลดล็อกพวงมาลัย
- ลองมองที่คันโยกหรือปลดล็อกพวงมาลัยที่ด้านล่าง
- ดึงคันโยกลงเพื่อปลดล็อกพวงมาลัย
- เมื่อปรับเสร็จแล้วอย่าลืมล็อกกลับให้แน่น

ปรับระดับของพวงมาลัย
- ระดับของพวงมาลัยจะอยู่ในระดับอก อย่าปรับสูงเกินไปจนอยู่ในระดับหน้า
- จับที่พวงมาลัยในตำแหน่ง 9 และ 3 นาฬิกา
- ข้อมือควรวางบนพวงมาลัยได้โดยไม่ต้องเหยียดแขนจนตึง
- ระยะห่างระหว่างอกกับพวงมาลัยควรอยู่ที่ประมาณ 25-30 เซนติเมตร เพื่อป้องกันอันตรายจากถุงลมนิรภัย
รถชน รถเสีย น้ำท่วม ประกันให้บริการลารถฟรีหรือไม่? เจาะลึกทุกเรื่องของคนใช้รถที่ต้องรู้ คลิก
ทดสอบ
- เมื่อปรับเรียบร้อยแล้วให้ลองหมุนพวงมาลัยซ้าย-ขวา
- จะต้องไม่มีเสียงฝืดหรือติดขัด
- การนั่งจะต้องนั่งสบายและไม่รู้สึกเกร็ง
ข้อควรระวัง!
- ห้ามปรับพวงมาลัยในขณะที่กำลังขับขี่เด็ดขาด
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าล็อกพวงมาลัยแน่นแล้วก่อนที่จะออกตัว
- หากรู้สึกว่าพวงมาลัยมีเสียงแปลกๆ หรือขยับผิดปกติ แนะนำให้นำเข้าศูนย์บริการทันที และในขณะที่ขับให้ขับขี่อย่างระมัดระวัง
ตัวอย่างสถานการณ์การขับขี่ที่ยังไม่ได้มีการปรับพวงมาลัยมาก่อนหรือปรับให้เหมาะสมก่อนที่จะขับขี่ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้อาจพบได้บ่อย และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

สถานการณ์ที่ 1 : นั่งแล้วแขนตึง ต้องเหยียดแขนจนสุดแขนเพื่อหมุนพวงมาลัย
ผู้ขับขี่รู้สึกว่าการหมุนพวงมาลัยในแต่ละครั้งจะต้องเอื้อมมือออกไปจนสุดแขน ทำให้การควบคุมไม่แม่นยำอย่างที่ควร
ผลที่ตามมา : เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น ต้องหักหลบอย่างกะทันหัน ทำให้หมุนพวงมาลัยเร็วไม่ได้เท่าที่ควร
สถานการณ์ที่ 2 : พวงมาลัยบังหน้าปัด มองไม่เห็นความเร็วหรือไฟเตือน
หากเราไม่ได้ปรับความสูงของพวงมาลัย จะทำให้พวงมาลัยบังหน้าปัดหรือไฟเตือน
ผลที่ตามมา : อาจพลาดการมองเห็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ เช่น ไฟเครื่องยนต์ ขับด้วยความเร็วเกิน
สถานการณ์ที่ 3 : นั่งใกล้พวงมาลัยเกินไป ทำให้ร่างกายเกร็ง
ขับรถในท่าที่ต้องก้มหน้า แขนงอเกินไป หลังไม่แนบพนักพิง
ผลที่ตามมา : ปวดคอ ปวดหลังง่าย เมื่อเกิดอุบัติเหตุถุงลมนิรภัยอาจทำอันตรายต่อเราได้
สถานการณ์ที่ 4 : ต้องยกไหล่หรือยืดแขนตลอดเวลา
พวงมาลัยอยู่ต่ำเกินไป ทำให้เราต้องเกร็งไหล่ในตอนที่จับพวงมาลัย
ผลที่ตามมา : เกิดอาการเมื่อยล้าง่าย ขับรถนานๆ ทำให้ไม่รู้สึกสบายตัว และมีโอกาสควบคุมรถผิดพลาดได้
อัปเดตล่าสุด! ประกันภัยรถยนต์ ปี 2568 เปลี่ยนกฎใหม่ บังคับระบุชื่อผู้ขับขี่เริ่มใช้เมื่อไหร่? คลิก
สถานการณ์ที่ 5 : รู้สึกควบคุมรถไม่ถนัดตอนเลี้ยวหรือจอด
ท่าจับพวงมาลัยไม่ถูกต้อง อาจทำให้การเลี้ยวรถไม่แม่น ยิ่งโดยเฉพาะเวลาจอดรถเข้าซอง
ผลที่ตามมา : เสี่ยงเกิดการเฉี่ยวชน ใช้เวลาในการจอดรถนานกว่าปกติ
อย่ามองข้ามเรื่องการปรับพวงมาลัย เพราะการปรับพวงมาลัยให้ถูกต้องไม่เพียงแค่ให้เราขับขี่ได้อย่างสบายใจขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยทั้งต่อตัวเราและเพื่อนร่วมทางอีกด้วย การปรับพวงมาลัยใช้เวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตามอย่ามองข้ามสิ่งเหล่านี้เลยครับ เพราะนี้คือการช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้นั่นเอง
ปรับกระจกมองข้างอย่างโปร! เทคนิคง่ายๆ ที่ทั้งมือใหม่แล้วมือเก่าต้องรู้ คลิก