ใบปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนตอนไหน? วิธีสังเกตง่ายๆ พร้อมการดูแลใบปัดน้ำฝน

ใบปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนตอนไหน? วิธีสังเกตง่ายๆ พร้อมการดูแลใบปัดน้ำฝน

12/03/2020

ใบปัดน้ำฝน

   ใบปัดน้ำฝน จัดว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคัน เพราะทำหน้าที่ปัดน้ำ ปัดเศษใบไม้ แมลง เศษดินโคลน หรือแม้กระทั่งฝุ่นละอองต่างๆ ที่เกาะอยู่บนกระจกบังลมหน้าและหลัง ให้หลุดออกพร้อมทำความสะอาด เพื่อทัศนวิสัยการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้น เราจึงควรหมั่นดูแลให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา

 

อายุการใช้งาน

   โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานตามปกติของใบปัดน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพจะอยู่ที่ประมาณ 12 เดือน แต่ส่วนใหญ่ผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปจะละเลยการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนแม้ใบปัดน้ำฝนจะเสื่อมสภาพแล้วก็ตาม ซึ่งการใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพนั้นอาจจะส่งผลเสียไปถึงชิ้นส่วนอื่นๆ ได้ เช่น กระจกหน้ารถอาจจะเป็นรอยได้  นอกจากนั้นหากใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพในช่วงที่ฝนตกหนักจะยิ่งทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลง  ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

   ปัจจัยที่ทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ได้แก่ ความร้อนจากแสงแดดที่ส่องลงมาสะสมอยู่ในกระจก ซึ่งจะทำให้ใบปัดน้ำฝนที่ทำจากยาง กรอบ เสียความยืดหยุ่นและเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ  อีกสาเหตุหลักเกิดจากการใช้งาน เช่น กรณีที่ฝุ่นจับที่ยางปัดน้ำฝนก็จะเกิดความสึกหรอขึ้นได้ เหมือนการเอากระดาษทรายไปขัดกระจกและยางปัดน้ำฝน

 

วิธีสังเกตเมื่อถึงเวลาเปลี่ยน

   สำหรับวิธีการสังเกตว่าถึงได้เวลาหรือยังที่จะต้องเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน โดยดูง่ายๆ ว่าการทำงานของใบปัดน้ำฝนนั้นปัดสะอาดหรือไม่  ลักษณะของการปัดน้ำฝนไม่สะอาดเนื่องจากการใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพ หรือติดตั้งผิดวิธี คือ เกิดละอองน้ำเป็นสันครึ่งวงกลมหรือแถบเส้น หลังจากที่ปัดกระจกแล้วยังมีละอองน้ำเป็นเส้นสันครึ่งวงกลม หรือเป็นม่านบนกระจกและมัว เกิดจากการใช้ยางปัดที่มีอาการแข็งจนกรอบแตก ทำให้ไม่สามารถปาดน้ำจากหน้ากระจกได้สะอาด ไม่สามารถจะรีดเอาน้ำออกจากกระจกได้หมด อีกอาการคือ มีเสียงดังรบกวน ใบปัดจะมีเสียงดังเอี๊ยดๆ และมีอาการกระตุกขณะทำงานซึ่งเกิดจากการเสียดสีระหว่างใบปัดน้ำฝนกับหน้ากระจก

 

การดูแล

   วิธีการดูแลใบปัดน้ำฝน  แม้ว่าใบปัดน้ำฝนจะไม่ได้ใช้งานเป็นประจำก็มีโอกาสชำรุดหรือเสื่อมสภาพได้ เช่น การจอดรถตากแดดนานๆ เป็นประจำจะทำให้ยางปัดน้ำฝนแข็งกรอบ ขาดความยืดหยุ่น เพราะยางต้องแนบกับกระจกที่รับความร้อน  กรณีเช่นนี้จึงมีหลายท่านสงสัยว่า ถ้าหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดไม่ได้ การยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นจะดีหรือไม่  ขอบอกว่าการยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นค้างไว้ทุกวันๆ บ่อยๆ จะทำให้สปริงที่ก้านใบปัดน้ำฝนมีโอกาสเกิดอาการล้า ผลคือ แรงกดบนกระจกบังลมลดลง อาจทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมการปัดน้ำฝนลดลง ซึ่งหากเปรียบเทียบกันระหว่างราคาค่าเปลี่ยนสปริงกับใบปัดน้ำฝน แล้วค่าเปลี่ยนสปริงจะสูงกว่าราคาใบปัดน้ำฝนมากเลยทีเดียว

   ดังนั้นถ้าเลือกได้ควรเลือกจอดรถในร่มน่าจะดีกว่า และหมั่นตรวจเช็คสภาพความพร้อมและทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนด้วยตนเองสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งมีเทคนิคง่ายๆ คือ ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นและใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝนในทิศทางเดียว  หากพบร่องรอยการฉีกขาดหรือแข็งกรอบ ควรรีบจัดหาเปลี่ยนชุดใหม่ เพราะนอกจากจะปัดไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้เกิดเสียงดังและสะดุดขณะปัด หรืออาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนกระจกได้

 

   ข้อสำคัญอีกเรื่องคือ รถแต่ละรุ่นจะใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดที่แตกต่างกัน ในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน จึงควรจะดูขนาดที่ระบุอยู่ในคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือสามารถเทียบดูรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนได้เช่นกัน ในกรณีที่ติดใบปัดผิดขนาด ถ้าเล็กไปจะทำให้รัศมีในการปัดน้อยลง ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ไม่ดี ถ้าใหญ่ไปใบปัดอาจจะเลยขอบกระจก ทำให้ใบปัดเสีย และอายุการใช้งานน้อยลง การเลือกซื้อยางปัดน้ำฝนที่แนบสนิทกับกระจกบังลมหน้า-หลังได้ดี มีความยืดหยุ่นและมีขนาดพอดีกับก้านปัดน้ำฝนเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน

 

   เรื่องใบปัดน้ำฝนอย่ามองข้ามเด็ดขาดเลยนะครับ เพราะหากละเลยจนเสื่อมสภาพ อาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่เวลาฝนตกแย่ลงได้นะ

 

   สำหรับท่านใดที่ต้องการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน หรือสนใจรถยนต์ฮอนด้าในรุ่นอื่นๆ สามารถติดต่อได้ทุกช่องทางของ ยูไนเต็ด ฮอนด้า ได้เลยนะครับ


All-new Honda CR-V

เริ่มต้น 1,419,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 15,000 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

ประมาทร่วม! คู่กรณีชนแล้วหนีหรือไม่มีประกัน ควรทำอย่างไรและประกันจะจ่ายให้เราไหม?

ประมาทร่วม! คู่กรณีชนแล้วหนีหรือไม่มีประกัน ควรทำอย่างไรและประกันจะจ่ายให้เราไหม?

12/11/2024

การประมาทร่วม เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากการความประมาทของทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการขับขี่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดการประมาทร่วมมักจะมาจากความประมาทเลินเล่อไม่ว่าจะเป็นการไม่ระวัง การขาดสมาธิ ความเร่งรีบ การไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างการขับรถเร็วเกินที่กำหนด ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับฝ่าสัญญาณไฟแดงหรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างป้ายจราจรที่ไม่ชัดเจน รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การใช้โทรศัพท์ในขณะที่กำลังขับขี่ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือการขับขี่ที่เป็นเวลานาน

อ่านต่อ
ระวัง! ขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนโดนปรับไม่รู้ตัว ยิ่งมือใหม่ที่เพิ่งออกรถขับป้ายแดงยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย

ระวัง! ขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนโดนปรับไม่รู้ตัว ยิ่งมือใหม่ที่เพิ่งออกรถขับป้ายแดงยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย

11/11/2024

การขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนอาจมีผลต่อความปลอดภัย เนื่องจากรถป้ายแดงหมายถึงรถใหม่ที่ยังไม่ผ่านการจดทะเบียนเต็มตัว ผู้ขับขี่อาจมีความไม่คุ้นชินกับรถหรือสภาพถนนในเวลากลางคืน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การมองเห็นและความชัดเจนในการมองก็อาจลดลง ทำให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม รถป้ายแดงจะต้องมีแสงไฟและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่จำเป็นซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน

อ่านต่อ
จุดบอด... อันตรายใกล้ตัวที่คุณอาจมองข้าม

จุดบอด... อันตรายใกล้ตัวที่คุณอาจมองข้าม

04/11/2024

จุดบอดเป็นพื้นที่ที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นยานพาหนะหรือวัตถุรอบข้างได้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว จุดบอดมีความอันตรายสูงโดยเฉพาะในพื้นที่การจราจรหนาแน่น เทคนิคในการลดจุดบอดมีหลายอย่าง เช่น การใช้กระจกมองข้างที่มีขนาดใหญ่ขึ้น การติดตั้งเซ็นเซอร์ช่วยเตือน รวมถึงการปรับระยะการขับขี่ให้เหมาะสมและสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ อย่างสม่ำเสมอ

อ่านต่อ
Uto