ทำอย่างไรให้เหมือนใหม่? ไฟหน้าหมอง เหลือง ดูเก่า ใช้อะไรขัดถึงจะใสวิบวับ

ทำอย่างไรให้เหมือนใหม่? ไฟหน้าหมอง เหลือง ดูเก่า ใช้อะไรขัดถึงจะใสวิบวับ

08/03/2023

   ตัวรถยนต์ใสกิ๊งแล้วแต่ยังไม่ดูเหมือนใหม่เลย เพราะเจอไฟหน้ารถที่หมองที่ทำให้รถของเราดูไม่ใหม่เอาซะเลย ทั้งเหลือง ขึ้นฝ้า เป็นด่าง มาทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปกันครับ ด้วยวิธีง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ มากู้ความใสวิบวับให้กับไฟหน้ารถกัน!

 

เกิดจากสาเหตุใด

   การที่ไฟหน้ารถเหลือง ดูเก่านั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เลยครับ สำหรับรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง มักจะมีโอกาสที่จะเกิดคราบเหลืองได้เช่นกันนะครับ เนื่องจากโคมไฟของไฟหน้าจะทำมาจากพลาสติกหรือแก้วเมื่อโดนความร้อนของแสงแดดหรือสิ่งอื่นๆ จะเกิดการแปรสภาพกลายเป็นสีขุ่นมัวบริเวณด้านนอกและด้านในได้นั่นเองครับ 

   นอกจากระยะเวลาในการใช้งานแล้ว สภาพแวดล้อมยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ไฟหน้ารถของเราดูหมอง ดูเก่าด้วยอย่างเช่น ละอองน้ำมัน เขม่าควันจากรถยนต์คันอื่นหรือฝุ่นผงจากพื้นถนนที่กระเด็นมาโดนไฟหน้ารถ เมื่อถูกสะสมมาเป็นเวลานานเกินไปจนเกิดคราบฝังลึก

   สำหรับวิธีขัดไฟหน้ารถสามารถทำได้หลากหลายวิธี เพียงเตรียมอุปกรณ์และเลือกวิธีที่สะดวกกับเราได้เลยครับ

 

ฟิล์มกรองแสงมีวันอายุ! แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าฟิล์มเสื่อมหรือหมดอายุแล้ว สังเกตง่ายๆ คลิก

 

ขัดด้วยยาสีฟัน

อุปกรณ์

  • ยาสีฟัน
  • ผ้าผืนเล็กหรือฟองน้ำ สำหรับใช้ขัด
  • ผ้าสะอาดสำหรับใช้เช็ค

 

วิธีขัดด้วยยาสีฟัน

  1. ขั้นตอนแรกเลยก็คือ ล้างไฟหน้ารถยนต์ด้วยน้ำเปล่า แล้วเช็คให้แห้ง
  2. บีบตัวยาสีฟันลงบนโคมไฟหน้า จากนั้นทำการถูวนๆ ให้ทั่วโคมไฟเลยครับ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที
  3. ใช้ผ้าหรือฟองน้ำขัดวนให้ทั่วโคมไฟ โดยขัดแบบออกแรงพอประมาณก็พอนะครับ พอให้คราบหลุดออก
  4. จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด และใช้ผ้าแห้งเช็คโคมไฟ เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยครับ

 

หยุดทำพฤติกรรมแบบนี้! หากไม่อยากให้รถพังเร็ว คลิก

 

ขัดด้วยกระดาษทราย

อุปกรณ์

  • กระดาษทรายน้ำ เบอร์ 320
  • กระดาษทรายน้ำ เบอร์ 1000 สำหรับแก้ปัญหาไฟหน้ารถเหลือง ซึ่งเป็นคนละประเภทกับกระดาษทรายขัดไม้
  • สเปรย์เคลือบเงา

 

วิธีขัดด้วยกระดาษทราย

  1. เริ่มแรกใช้กระดาษทรายน้ำ เบอร์ 320 ชุบกับน้ำเล็กน้อยแล้วนำมาขัดบริเวณโคมไฟ โดยขัดด้วยแรงที่สม่ำเสมอกันนะครับ ขัดจนรู้สึกว่าพื้นผิวโคมไฟเริ่มเรียบเนียน จากนั้นทำการล้างด้วยน้ำเปล่า
  2. ใช้กระดาษทราบน้ำ เบอร์ 1000 ชุบกับน้ำเล็กน้อย ขัดที่โคมไฟอีกครั้งใช้เวลาประมาณ 5 นาที หรือขัดจนกว่าคราบขุ่นจะหลุดออกมา
  3. จากนั้นใช้สเปรย์เคลือบเงาฉีดไปที่บริเวณโคมไฟจนทั่ว
  4. ใช้กระดาษทรายน้ำ เบอร์ 1000 ขัดอีกครั้ง โดยขัดวนเป็นวงกลมขัดหลายๆ รอบ ซึ่งอาจจะใช้เวลาในการขัดสักพักนะครับ แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาล้างรถ รวมไปถึงอาจจะใช้สเปรย์เคลือบเงาลงไปอีกรอบก็ได้นะครับ

 

ขัดด้วยผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ

อุปกรณ์

  • ถุงพลาสติก
  • ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ
  • ผ้าไมโครไฟเบอร์

 

วิธีขัดด้วยผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ

  1. จะต้องล้างทำความสะอาดก่อนนะครับ โดยล้างด้วยน้ำเปล่าแล้วเช็คให้แห้ง
  2. นำถุงพลาสติกมาปกปิดบริเวณขอบรอบโคมไฟ ให้เหลือเพียงเฉพาะพื้นที่โคมไฟที่ต้องการขัดเท่านั้น
  3. จากนั้นใช้น้ำยาขจัดคราบฉีดลงไปบนโคมไฟ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที
  4. เมื่อทิ้งน้ำยาขจัดคราบไว้สักพักแล้วให้ทำการใช้ผ้าสะอาดเช็คบริเวณที่ฉีดน้ำยาออกให้หมด
  5. และทำการล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง แล้วใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็คให้แห้ง

 

ขัดด้วยครีมทำความสะอาดอเนกประสงค์ (สเตคลีน)

อุปกรณ์

  • ครีมทำความสะอาดอเนกประสงค์
  • ผ้าสะอาด

 

วิธีขัดด้วยครีมทำความสะอาดอเนกประสงค์

  1. นำครีมทำความสะอาดอเนกประสงค์มาทาไปที่บริเวณโคมไฟหน้ารถ โดยทาให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที
  2. จากนั้นใช้ผ้าสะอาดค่อยๆ เช็คออก ซึ่งวิธีนี้จะทำให้โคมไฟหน้ารถใสขึ้นมาในระดับหนึ่ง เหมาะกับรถยนต์ที่ไฟหน้ารถที่ไม่เหลืองมากครับ

 

ขัดด้วยเบคกิ้งโซดาและมะนาว

อุปกรณ์

  • เบคกิ้งโซดา
  • มะนาวหั่นเป็นแว่น
  • น้ำเปล่า

 

วิธีขัดด้วยเบคกิ้งโซดาและมะนาว

  1. ขั้นตอนแรกจะต้องนำเบคกิ้งโซดามาผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย
  2. นำมะนาวที่หั่นแว่นจุ่มลงไปในเบคกิ้งโซดาที่เตรียมเอาไว้
  3. และนำมะนาวที่จุ่มกับเบคกิ้งโซดานั้นมาขัดกับไฟหน้าจนกว่าจะใส แต่ข้อควรระวังก็คืออย่าให้มะนาวโดนตัวสีรถเด็ดขาดนะครับ

 

   จากอุปกรณ์ที่สามารถนำมาขัดไฟหน้าในข้างต้นนั้น ท่านใดที่สะดวกใช้วิธีใดก็สามารถนำมาใช้ได้เลยนะครับ แต่สิ่งที่ไม่แนะนำมาขัดเลยก็คือ น้ำยาล้างห้องน้ำ ถ้าถามว่าสามารถทำได้หรือไม่ จริงๆ ก็สามารถทำได้นะครับ แต่ไม่แนะนำดีกว่าเพราะอาจเกิดผลเสียตามมาทีหลังได้นั่นเองครับ เนื่องจากน้ำยาล้างห้องน้ำมีคุณสมบัติที่เป็นกรด ถ้าจะนำมาขัดจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเลยนะครับเพื่อไม่ให้โดนตัวสีรถนั่นเอง หากพลาดไปเพียงหยดเดียวจะทำให้สีรถที่สวยงามนั้นเกิดเป็นรอยด่างได้ ทำให้ไม่สวยงามเหมือนเดิมนะครับ สำหรับวิธีข้างต้นหากท่านใดที่ลองทำแล้วยังใสไม่ถูกใจแนะนำให้รถยนต์ของท่านไปร้านคาร์แคร์หรือพบผู้เชี่ยวชาญก็ได้นะครับ แต่จะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าที่เราทำเองครับ


ALL-NEW HONDA ACCORD e:HEV

เริ่มต้น 1,529,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 16,000 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

คนมีรถต้องรู้! อยากเคลมเร็ว เคลมผ่านในครั้งเดียว รวมวิธีเคลมประกันให้เร็วแล้วไม่โดนเทโดยไม่ต้องง้อใคร

คนมีรถต้องรู้! อยากเคลมเร็ว เคลมผ่านในครั้งเดียว รวมวิธีเคลมประกันให้เร็วแล้วไม่โดนเทโดยไม่ต้องง้อใคร

18/06/2025

การมีรถยนต์ส่วนตัวสักคันหนึ่ง นอกจากเรื่องของการขับขี่ที่ปลอดภัยแล้วสิ่งที่เจ้าของรถทุกท่านต้องรู้เลยก็คือ วิธีเคลมประกันภัยรถยนต์ ให้เร็วและไม่โดนเทจากบริษัทประกัน เพราะในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ ความรวดเร็วและความเข้าใจในขั้นตอนการเคลมเป็นสิ่งที่จะช่วยให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้นั่นเองครับ

อ่านต่อ
รู้ไว้ก่อนพัง! ผลเสียของการไม่เช็กผ้าเบรก รถพัง เบรกไม่อยู่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่ารอให้สายเกินไป

รู้ไว้ก่อนพัง! ผลเสียของการไม่เช็กผ้าเบรก รถพัง เบรกไม่อยู่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอย่ารอให้สายเกินไป

17/06/2025

อีกหนึ่งระบบในความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดของรถยนต์ แต่หลายท่านมักจะมองข้ามไปหรือรอจนเกิดปัญหาแล้วค่อยมาแก้ไขทีหลังเมื่อสายไปแล้ว ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยทั้งของตัวเราและเพื่อนร่วมทางควรทำอย่างไรบ้างมาดูกันเลยครับ

อ่านต่อ
ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้หรือไม่? ข้อดี-ข้อเสีย ที่เจ้าของรถต้องรู้

ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้หรือไม่? ข้อดี-ข้อเสีย ที่เจ้าของรถต้องรู้

14/06/2025

ข้อเท็จจริงที่คนมีรถต้องรู้ ก่อนที่จะตัดสินใจไม่ซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 การมีรถยนต์ส่วนตัวในยุคนี้แทบจะกลายเป็นปัจจัย 5 ของชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความสะดวกสบายของตัวเราเองทั้งในการเดินทาง ช่วยประหยัดเวลา ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่คำถามที่ตามมาสำหรับเจ้าของรถก็คือ จำเป็นต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือไม่? ยิ่งในปัจจัยนี้ที่ต้องประหยัดทุกบาททุกสตางค์ สำหรับคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งข้อดีและข้อเสีย และสิ่งที่ควรพิจราณก่อนตัดสินใจมีอะไรบ้าง แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แต่กฎหมายบังคับเฉพาะ พ.ร.บ. เท่านั้น แต่การตัดสินใจทำหรือไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับบความเสี่ยงและความพร้อมในการรับผิดชอบของเจ้าของรถนั่นเองครับ

อ่านต่อ
Uto