การลดหย่อนภาษีจากประกันชีวิตและประกันสุขภาพเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายท่านมักใช้เพื่อเป็นการช่วยลดภาระภาษี ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ประหยัดภาษีได้แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคตได้อีกด้วยนะครับ
ลดหย่อนภาษีจากประกันชีวิต
ผู้ที่เสียภาษีสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้จากการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตในบางกรณี โดยจะต้องเป็นประกันชีวิตที่ไม่ได้มีการจ่ายผลประโยชน์ให้กับผู้เอาประกันชีวิต แต่จะต้องเป็นประกันชีวิตที่มีระยะเวลาและการคุ้มครองอย่างน้อย 10 ปี
- ประกันชีวิตทั่วไป : มีระยะเวลา 10 ปี หรือประกันชีวิตที่มีกระแสเงินสดที่ผู้เอาประกันสามารถได้รับผลประโยชน์จากเบี้ยประกันในระยะยาว
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ : จะมีเงื่อนไขการจ่ายเบี้ยประกันอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในกรณี้นี้ผู้เสียภาษีสามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
![](https://unitedhonda.com/upload/img/blog/20250201110019_743659408.png)
ทำประกันจนลืม...5 วิธี เช็กว่าทำประกันภัยไว้กับที่ไหน? คลิก
ลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพ
ลดหย่อนจากการประกันสุขภาพก็เป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถลดภาระภาษีได้ ผู้เสียภาษีสามารถหักเบี้ยประกันสุขภาพจากเงินได้ประมาณสูงสุด 15,000 บาทต่อปี ซึ่งหากมีการซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมสำหรับบุตรหรือสมาชิกในครอบครัวก็สามารถนำมาลดหย่อนได้อีกเช่นกันครับ
สามารถดูตารางที่แจกแจงได้ดังนี้
ประเภทของประกันสุขภาพ | ลดหย่อนได้ตามจริง | เงื่อนไขในการใช้ค่าลดหย่อน |
ประกันสุขภาพตนเอง | สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท | รวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท |
ประกันสุขภาพของพ่อแม่ | สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท | รวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท |
ประกันของประกันชีวิต | ประกันของประกันชีวิต | เงื่อนไขในการใช้ค่าลดหย่อน |
ประกันชีวิตของตนเอง | สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท |
|
ประกันชีวิตคู่สมรส | สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท |
|
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมสรรพากร
![](https://unitedhonda.com/upload/img/blog/20250201110023_353470468.png)
สิ่งที่ต้องรู้!
การลดหย่อนจากประกันชีวิตและประกันสุขภาพจะต้องมีเอกสารยืนยันการชำระประกันที่ถูกต้อง เช่น ใบเสร็จจากบริษัทประกัน การลดหย่อนภาษีในแต่ละประเภทอาจมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดเพิ่มเติมได้ เช่น ประกันสุขภาพจะต้องครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
แนะนำให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายในทุกๆ ปี เพราะด้วยข้อกำหนดและจำนวนเงินที่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้อาจมีการเปลี่ยนแปลง
ประกันจ่ายหรือไม่? หากเกิดเหตุรถชนกันในบ้านแล้วเจ้าของเป็นชื่อเดียวกัน คลิก
นอกจากนี้การลดหย่อนภาษียังสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ มาลดหย่อนได้เช่นกันนะครับ
1. ลดหย่อนภาษีจากรายจ่ายส่วนบุคคล
- ประกันชีวิต : หากมีการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตที่มีระยเวลานาน 10 ปีขึ้นไป สามารถนำมาลดหย่อนภาษได้สูงสุดถึง 100,000 บาท
- ประกันสุขภาพ : การจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับตนเอง คู่สมรส หรือบุตร ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนด
- เงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ : สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่สะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนแบบอื่นๆ ได้เช่นกัน
2. ลดหย่อนภาษีจากการลงทุน
- กองทุนรวมเพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์ : สำหรับผู้ที่ซื้อในช่วงที่มีสิทธิ์ได้รับ จะยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่ลงทุน
- กองทุนเพื่อการเกษียณ : สามารถนำมาลดหย่อนได้ตามจำนวนที่ลงทุน ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี
![](https://unitedhonda.com/upload/img/blog/20250201110035_953873150.png)
ทำความเข้าใจก่อนซื้อ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คลิก
3. ลดหย่อนภาษีเกี่ยวกับครอบครัว
- การดูแลบุตร : ลดหย่อยภาษีได้จากการจ่ายค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรที่ยังอยู่ในช่วงอายุที่กฎหมายกำหนด โดยปกติแล้วอายุไม่เกิน 25 ปี
- ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา : หากได้มีการจ่ายค่าเลี้ยงดูบิดามารดาที่อายุ 60 ปีขึ้นไป และไม่สามารถดูแลตัวเองได้ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนดได้เช่นกัน
4. ลดหย่อนภาษีจากการบริจาค
- การบริจาคให้กับองค์กรการกุศล : การบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลที่ได้รับการรับรองจากกรมสรรพากรจะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ของเงินที่บริจาคที่สามารถนำมาลดหย่อนได้
![](https://unitedhonda.com/upload/img/blog/20250201110039_336733097.png)
5. ลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยสินเชื่อ
- ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อบ้าน : สำหรับการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ในการซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยในบางกรณี สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนดได้เช่นกัน
6. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา
- ค่าเล่าเรียน : ในบางกรณีที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้จากการจ่ายค่าใช้จ่ายในการศึกษาของบุตรหรือผู้ที่อยู่ในความดูแล
คืออะไร? รถทดแทนระหว่างซ่อม เมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถใช้ได้หรือไม่ คลิก
สำหรับการลดหย่อนภาษีจะต้องมีเอกสารเพื่อเป็นการยืนยันการชำระหรือการบริจาคที่ถูกต้อง เช่น ใบเสร็จรับเงินจากบริษัทประกัน ใบรับรองจากกองทุน ใบเสร็จจากการบริจาค เป็นต้น อย่าลืมไปใส่สิทธิลดหย่อนภาษีกันนะครับ ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568