ความแตกต่าง! เติมลมแบบไนโตรเจน VS เติมลมธรรมดา และข้อดีของการเติมลมแต่ละแบบเป็นอย่างไร

ความแตกต่าง! เติมลมแบบไนโตรเจน VS เติมลมธรรมดา และข้อดีของการเติมลมแต่ละแบบเป็นอย่างไร

17/05/2023

   สำหรับความแตกต่างเติมลมแบบไนโตรเจน และเติมลมแบบธรรมดา หลายท่านอาจมีความสงสัยหรือไม่เข้าใจว่าแตกต่างกันอย่างไร และข้อดีของแต่ละแบบเป็นอย่างไร รวมถึงรถของท่านนั้นควรเติมลมแบบไหนถึงจะดีต่อรถยนต์ของท่าน ซึ่งคำถามเกี่ยวกับการเติมลมนี้ยังเป็นคำถามยอดนิยมอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถยนต์มือใหม่นั่นเอง

หากแร็คพวงมาลัยรั่ว! จะต้องทำการเปลี่ยนทันที สังเกตอย่างไรว่าแร็คพวงมาลัยรั่ว คลิก

 

เติมลมไนโตรเจน

   การเติมลมไนโตรเจนจะประกอบไปด้วยไนโตรเจนที่มากกว่า 93% โดยจะเป็นไนโตรเจนแบบ Dry Nitrogen ที่มีไอน้ำปะปนอยู่ ซึ่งมีน้อยมากๆ หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้นะครับ การเติมลมแบบไนโตรเจนยังช่วยในอีกหลายๆ เรื่องอย่างเช่น

  • ลมยางไนโตรเจนจะกัดกร่อนยางรถยนต์น้อยกว่าการเติมแบบธรรมดา
  • แรงดันในยางรถยนต์จะอยู่ได้นานกว่า และมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดยางระเบิด
  • ลมยางไนโตรเจนจะเป็นก๊าซแห้ง ไม่มีส่วนผสมของน้ำ จึงไม่ทำให้กระทะล้อเกิดสนิม
  • ทำให้การขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล และลดการเกิดเสียงของยางรถยนต์ที่กระแทกกับพื้น รวมถึงตะเข็บรอยต่อถนน
  • สามารถช่วยยืดอายุยางรถยนต์ได้มากกว่าการเติมลมแบบธรรมดา

 

เติมลมธรรมดา

   การเติมลมแบบธรรมดาจะประกอบไปด้วย ไนโตรเจน 78% และออกซิเจน 21% ส่วนที่เหลือจะเป็นไอน้ำปะปนอยู่รวมถึงก๊าซต่างๆ สำหรับการเติมลมแบบธรรมดา

  • สามารถหาแหล่งเติมได้ง่าย โดยเฉพาะในปั้มน้ำมัน
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเติมลมยาง

 

เติมผสมกันได้หรือไม่?

   หากจะเติมลมแบบไนโตรเจน และแบบธรรมดาผสมกัน สามารถเติมได้ครับ ไม่ได้ส่งผลเสียแต่อย่างใด เพียงแต่จะทำให้ประสิทธิของลมไนโตรเจนลดลง เพราะลมไนโตรเจนจะเจือจางลงจนกลายเป็นลมธรรมดาไปนั่นเองครับ

 

อันตรายเช็คด่วน! หากช่วงล่างเกิดมีเสียงขณะขับขี่ คลิก

   เห็นความแตกต่างของทั้ง 2 แบบแล้วใช่ไหมครับ สำหรับท่านใดที่สะดวกเติมแบบไหนก็สามารถเลือกได้เลยครับ แต่ถ้าให้แนะนำอยากจะบอกว่า การเติมลมแบบไนโตรเจน จะช่วยได้ในหลายๆ เรื่องเลยก็ว่าได้นะครับ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการดูแลรักษาชิ้นส่วนของยางและตัวล้อได้ดี

   นอกจากการเติมลมแล้วควรทำการเช็กสภาพยางรถยนต์ควบคู่ไปด้วยนะครับ สำหรับการเช็กนั้นมีอยู่ 3 อย่าง จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

 

ยางแบน ยางรั่ว ต้องทำอย่างไรนะ? คลิก

 

  • เช็กอายุ

   ยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณไม่เกิน 2 ปี หรือตามระยะทางประมาณ 50,000 กิโลเมตร และนอกจากนี้จะต้องทำการสลับเปลี่ยนยางรถยนต์ด้วยนะครับ โดยสลับเปลี่ยนที่ระยะทาง 10,000 กิโลเมตรนั่นเองครับ

  • เช็กสภาพ

   ก่อนออกเดินทางไปไหนมาไหนก็ควรทำการเช็กสภาพของยางรถยนต์ด้วยนะครับ ควรเช็กยางรถยนต์ทุกเส้น รวมไปถึงยางอะไหล่ด้วยว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจะได้มีเปลี่ยนพร้อมใช้ได้เลยนั่นเองครับ สำหรับสภาพยางรถยนต์จะต้องไม่แข็งจนเกินไป และในส่วนของดอกยางจะต้องไม่สึกจนเกินไปหรือมีความลึกที่ไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร หากพบว่าดอกยางมีความลึกหรือสึกให้ทำการเปลี่ยนทันทีนะครับ เพราะนั้นอาจทำให้สูญเสียการทรงตัวได้ และทำให้ไม่ไม่มียึดเกาะบนถนน อีกทั้งยังลดประสิทธิภาพในการเบรกได้อีกด้วยนะ

 

ใช้รถต้องระวัง! หากพบว่ายางรถยนต์เป็นแบบนี้ต้องเปลี่ยนด่วน คลิก

 

  • เช็กลม

   การเช็กลมยางควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ส่วนใหญ่แล้วการเติมลมควรอยู่ในระดับ 32-35 ปอนด์ แต่ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องเดินทางไกลๆ ควรเพิ่มลมยางเข้าไปอีกประมาณ 2-3 ปอนด์ พร้อมกับปรับให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสารด้วยนะครับ จะได้ช่วยหน้ายางที่สัมผัสกับผิวถนนได้อย่างสม่ำเสมอ และช่วยให้ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำมันอีกด้วยนะครับ

   ยางรถยนต์เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าหากละเลยในการดูแลหรือไม่เช็กก่อนออกเดินทาง อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้นะครับ นั่นคือความปลอดภัยต่อตัวท่าน และเพื่อนร่วมทาง หากเราตรวจเช็กยางรถยนต์ก่อนจะเป็นการช่วยลดอุบัติได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียในภายภาคหน้าอย่าลืมเช็กยางรถยนต์ก่อนนะครับ

   หากต้องการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการ ที่ ยูไนเต็ด ฮอนด้า Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ

เช็กด่วน! รถยนต์ของคุณควรเปลี่ยนยางเมื่อไร? คลิก


NEW HONDA HR-V e:HEV

เริ่มต้น 899,000 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 9,900 บาท/เดือน

ดูรายละเอียด

บทความอื่นๆ

ประมาทร่วม! คู่กรณีชนแล้วหนีหรือไม่มีประกัน ควรทำอย่างไรและประกันจะจ่ายให้เราไหม?

ประมาทร่วม! คู่กรณีชนแล้วหนีหรือไม่มีประกัน ควรทำอย่างไรและประกันจะจ่ายให้เราไหม?

12/11/2024

การประมาทร่วม เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากการความประมาทของทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการขับขี่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดการประมาทร่วมมักจะมาจากความประมาทเลินเล่อไม่ว่าจะเป็นการไม่ระวัง การขาดสมาธิ ความเร่งรีบ การไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างการขับรถเร็วเกินที่กำหนด ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขับฝ่าสัญญาณไฟแดงหรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างป้ายจราจรที่ไม่ชัดเจน รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การใช้โทรศัพท์ในขณะที่กำลังขับขี่ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือการขับขี่ที่เป็นเวลานาน

อ่านต่อ
ระวัง! ขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนโดนปรับไม่รู้ตัว ยิ่งมือใหม่ที่เพิ่งออกรถขับป้ายแดงยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย

ระวัง! ขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนโดนปรับไม่รู้ตัว ยิ่งมือใหม่ที่เพิ่งออกรถขับป้ายแดงยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย

11/11/2024

การขับรถป้ายแดงในเวลากลางคืนอาจมีผลต่อความปลอดภัย เนื่องจากรถป้ายแดงหมายถึงรถใหม่ที่ยังไม่ผ่านการจดทะเบียนเต็มตัว ผู้ขับขี่อาจมีความไม่คุ้นชินกับรถหรือสภาพถนนในเวลากลางคืน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การมองเห็นและความชัดเจนในการมองก็อาจลดลง ทำให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม รถป้ายแดงจะต้องมีแสงไฟและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่จำเป็นซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน

อ่านต่อ
จุดบอด... อันตรายใกล้ตัวที่คุณอาจมองข้าม

จุดบอด... อันตรายใกล้ตัวที่คุณอาจมองข้าม

04/11/2024

จุดบอดเป็นพื้นที่ที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นยานพาหนะหรือวัตถุรอบข้างได้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว จุดบอดมีความอันตรายสูงโดยเฉพาะในพื้นที่การจราจรหนาแน่น เทคนิคในการลดจุดบอดมีหลายอย่าง เช่น การใช้กระจกมองข้างที่มีขนาดใหญ่ขึ้น การติดตั้งเซ็นเซอร์ช่วยเตือน รวมถึงการปรับระยะการขับขี่ให้เหมาะสมและสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ อย่างสม่ำเสมอ

อ่านต่อ
Uto