เกิดเหตุไฟไหม้ ต้องทำอย่างไร? รับมือ ป้องกัน และวิธีการมีอะไรบ้าง

เกิดเหตุไฟไหม้ ต้องทำอย่างไร? รับมือ ป้องกัน และวิธีการมีอะไรบ้าง

07/10/2024

   การเกิดไฟไหม้ไม่ว่าจะทั้งสถานประกอบกิจการ โรงงานหรืออาคารต่างๆ รวมไปถึงบ้านเรือนผู้ที่อยู่อาศัย เหล่านี้มาจากการที่เราไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ในตั้งแต่เริ่มแรกที่เกิดไฟไหม้ ทำให้เกิดการขยายตัวจนไม่สามารถควบคุมจากเหตุไฟไหม้เพียงเล็กน้อยจนไปถึงรุนแรงได้ สิ่งที่ตามมาจากการเกิดเหตุไฟไหม้ก็คือ เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แต่หากเราศึกษาหรือได้รับการอบรมเกี่ยวกับการควบคุมและการดับเพลิงขั้นพื้นฐานอย่างถูกต้อง ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

การลุกติดไฟ

   ภัยหรือเหตุการณ์อันตรายที่เรียกกันว่าอัคคีภัย เกิดจากไฟที่ขาดการควบคุมดูแล ทำให้เกิดการลุกลามไปทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง เปลวไฟที่รุนแรงมากขึ้น ถ้าการลุกไหม้ที่มีเพลิงหนุนหรือมีไอของเชื้อเพลิงถูกขับออกมาจำนวนมาก ความร้อนแรงก็ยิ่งสร้างความเสียหายมากเท่านั้น

 

องค์ประกอบของไฟ

   สำหรับไฟที่เกิดขึ้นจะประกอบไปด้วยทั้งหมด 3 อย่าง

  • เชื้อเพลิง
  • ความร้อน
  • ออกซิเจน

 

   ถ้าเกิดทั้ง 3 อย่างนี้รวมตัวกันเมื่อไรแล้วเกิดเป็นไฟ แล้วปล่อยไว้ให้ลุกลามเกิน 5 นาที โดยในขณะนั้นไม่มีการควบคุมเพลิงเลย สถานการณ์แบบนี้อาจถึงขั้นรุนแรงได้เลยครับ แต่ถ้าไฟเริ่มเกิดแรกๆ แล้วเราสามารถกำจัดองค์ประกอบของไฟได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็จะสามารถดับไฟนั้นได้ครับ

   ไฟจะเกิดได้ จะต้องอาศัยองค์ประกอบทั้งหมด 3 อย่าง เมื่อทั้งหมดรวมตัวกันแล้วจะเกิดเป็นไฟ เมื่อไหร่ที่เราปล่อยให้เปลวไฟลุกลามเกิน 5 นาที จนไม่สามารถควบคุมไฟนั้นไว้ได้ หรือใช้ถังดับเพลิงแล้วไม่สามารถควบคุมได้ เราจึงเรียกเหตุการณ์นั้นว่าอัคคีภัย ดังนั้นเราจึงอยากให้ท่านทำความรู้จัก องค์ประกอบของไฟ สิ่งที่จะทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้จนลุกลามและไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ การที่เราจะทำให้เกิดไฟได้นั้น ต้องอาศัยองค์ประกอบทั้งหมด 3 อย่าง ได้แก่

แบตก็จะหมด โทรศัพท์ก็อยากเล่น จะเป็นอันตรายหรือไม่? หากชาร์จไปเล่นไป คลิก

 

อย่างที่ 1 เชื้อเพลิง

   สำหรับเชื้อเพลิงจะประกอบไปด้วยทั้งหมด 3 สถานะ

  • ของแข็ง : ไม้ กระดาษ พลาสติก ผ้า ยาง หรือวัสดุอื่นๆ ที่สามารถใช้น้ำดับได้
  • ของเหลว : น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันพืช กาว น้ำมันเครื่อง เทียนไข 
  • ก๊าซ : ก๊าซหุงต้ม ก๊าซไฮโดรเจน ก๊าซที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างกรดกับโลหะ ก๊าซที่มีเทนที่เกิดจากการหมัก

“หน้าฝน” กับ “ไฟฟ้า” เป็นสิ่งอันตรายควรหลีกเลี่ยงและป้องกัน อาจเกิดไฟช็อต ไฟรั่ว คลิก

สารเคมีอันตราย! วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกสารเคมีจากเหตุเพลิงไฟไหม้ คลิก

อย่างที่ 2 ความร้อน

  • ระยะที่ 1 จุดวาบไฟ : เป็นอุณหภูมิความร้อนที่เชื้อเพลิงได้รับสะสมจนถึงจุดที่เชื้อเพลิงคายไอออกมา
  • ระยะที่ 2 จุดชวาลหรือจุดติดไฟ : อุณหภูมิความร้อนที่เชื้อเพลิงได้รับสะสมจนถึงจุดที่ติดเป็นเปลวไฟขึ้นมา

 

อย่างที่ 3 ออกซิเจน

   สำหรับออกซิเจนในบรรยากาศ โดยปกติแล้วก๊าซจะมีอยู่หลายชนิด แต่หลักๆ แล้วหากจะแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ ในอากาศจะมีไนโตรเจนอยู่ 78% ออกซิเจนอยู่ประมาณ 21% และอื่นๆ อีก 1% แต่ปริมาณที่ออกซิเจนจะเป็นส่วนผสมที่จะช่วยทำให้ติดไฟได้มีตั้งแต่ 16-21% ในค่าความเข้มข้นของอากาศ

 

   เมื่อไรที่องค์ประกอบทั้ง 3 อย่างก็คือ เชื้อเพลิง ความร้อน และออกซิเจน ได้รวมตัวกันอย่างลงตัวจะทำให้เกิดไฟขึ้นมา แต่ถ้าหากว่าอย่างใดอย่างหนึ่งมีน้อยกว่าก็จะไม่สามารถเกิดไฟขึ้นได้ เพราะฉะนั้นหากเราต้องการที่จะตัดไฟลงจะต้องตัดองค์ประกอบของไฟอย่างใดอย่างหนึ่งออกเพื่อที่จะดับไฟนั่นเองครับ

เกิดความเสียหายแน่ๆ หากทิ้งสิ่งของที่เป็นอันตรายไว้ในรถเมื่อจอดกลางแดด คลิก

หน้าร้อนค่าไฟขึ้น! มา SAVE ค่าไฟ ใช้เท่าเดิมแต่จ่ายน้อยลงทำอย่างไร คลิก

ชนิดของถังดับเพลิง

   ก่อนที่จะเลือกซื้อถังดับเพลิงและติดตั้งภังดับเพลิง เราจะต้องรู้ก่อนว่าถังดับเพลิงแต่ละชนิดนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร ใช้กับประเภทของไฟแบบไหนให้มีประสิทธิภาพ

  • ประเภท A : เพลิงที่ไหม้ที่เกิดจากเชื้อเพลิงของแข็ง เช่น ไม้ ผ้า กระดาษ ปอ นุ่น ยาง พลาสติก
  • ประเภท B : เพลิงที่ไหม้ในของเหลวติดไฟและก๊าซติดไฟ เช่น น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม จาระบี
  • ประเภท C : เพลิงที่ไหม้จากอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร
  • ประเภท D : ประเภทวัตถุของแข็งหรือโลหะไวไฟ เช่น ไตตาเนียม แมกนีเซียมสำหรับแมกนีเซียมห้ามใช้น้ำดับเด็ดขาด ต้องใช้เกลือแกงหรือทราย
  • ประเภท K : เพลิงไหม้ที่เกิดจากน้ำมันที่ใช้ประกอบอาหาร ไขมันสัตว์

สิ่งที่ต้องเตรียม! เมื่อเคลมประกันจากเหตุไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว คลิก

 

ประเภทของถังดับเพลิง

   ชนิดผงเคมีแห้ง : ถังดับเพลิงประเภทนี้จะสามารถดับไฟได้เกือบทุกประเภททั้ง A, B และ C ยกเว้น CLASS K ราคาถูก หาซื้อง่าย แต่มีข้อเสียคือเมื่อฉีดออกมาจะฟุ้งกระจาย และเมื่อเราทำการฉีดแล้วจะฉีดจนหมดหรือไม่หมดถัง

**เมื่อใช้แล้วต้องทิ้ง ไม่สามารถเก็บไว้แล้วมาใช้ต่อได้เพราะแรงดันจะตก จะต้องอัดบรรจุใหม่เท่านั้น

 

   ชนิดน้ำยาเหลวระเหย : สามารถดับไฟได้เกือบทุกประเภท A B C ยกเว้น CLASS K โดยราคาจะถูกกว่าฮาโรดรอน หาซื้อได้ง่าย เมื่อฉีดใช้งานจะไม่ทิ้งคราบสกปรก ไม่ทำลายอุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย

**เหมาะกับพื้นที่ที่เน้นความสะอาดอย่างเช่น อาคาร สำนักงาน โรงพยาบาล ห้องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

   ชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) : สารเคมีภายในบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซที่ฉีดออกมาจะเป็นไอเย็นจัด คล้ายน้ำแข็งแห้ง ลดความร้อนของไฟได้ ไม่ทิ้งคราบสกปรก สามารถดับไฟได้ประเภท B C

**เหมาะสมำหรับใช้ในห้องเครื่องจักร Line การผลิต อุตสาหกรรม

 

   ชนิดโฟม : ภายในบรรจุด้วยโฟม เมื่อฉีดออกมาจะเป็นฟองโฟมคลุมผิวเชื้อเพลิงที่ลุกไหม้ จึงสามารถดับไฟได้ประเภท A B แต่ไม่สามารถนำไปดับไฟประเภท C ได้เพราะเป็นสื่อนำไฟฟ้า

**ใช้ในการดับเชื้อเพลิงประเภททินเนอร์ และสารระเหยติดไฟ ถังสแตนเลส

 

   ชนิดสูตรเคมีน้ำ : เป็นสารทดแทนสารฮาล่อน 1211 ได้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Non-CFC) ดับไฟClass A B C และ K ได้ ผ่านการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพในการดับเพลิง Fire Rating 10A20B สำหรับขนาด 10ปอนด์ และ 10A40B สำหรับขนาด 15ปอนด์ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (TISTR) ไม่บดบังทัศนวิสัยขณะฉีดใช้งาน เนื่องจากไม่เป็นฝุ่นละออง ปลอดภัย

**สำหรับฉีดใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

 

วิธีการใช้ถังดับเพลิง

  • เข้าไปทางเหนือลมโดยห่างจากฐานของไฟประมาณ 2 – 3 เมตร สามารถใช้ได้ทั้งไฟชนิด A B C และ K
  • ดึงสลักหรือลวดที่รั้งวาล์วออก
  • ยกหัวฉีดปากกลวยชี้ไปที่ฐานของไฟ (ทำมุมประมาณ 45 องศา)
  • บีบไกเพื่อเปิดวาล์วให้ก๊าซพุ่งออกมา
  • ให้ฉีดไปตามทางยาว และกราดหัวฉีดไปช้าๆ
  • ดับให้สนิทจนแน่ใจแล้ว จึงฉีดต่อไปข้างหน้า

 

    ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้วางอยู่ในระดับต่างกัน ให้ฉีดจากข้างล่างไปหาข้างบน และถ้าน้ำมันรั่วไหลให้ฉีดจากปลายทางที่รั่วไหลไปยังจุดที่รั่วไหล และเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ ต้องรีบตัดกระแสไฟฟ้าก่อนเพื่อป้องกันมิให้เกิดการลุกไหม้ขึ้นมาอีกได้

อันตราย! 4 เรื่องที่ต้องรู้เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ คลิก

วิธีการตรวจสอบถังดับเพลิง

  • ดูที่เข็มในมาตรวัดของถังดับเพลิง โดยเครื่องดับเพลิงที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเข็มจะชี้ที่ช่องสีเขียวแต่ถ้าเข็มเอียงมาทางซ้ายแสดงว่าแรงดันไม่มี ต้องรีบนำไปเติมแรงดันทันที
  • ตรวจสายฉีด หัวฉีด อย่าให้มีผงอุดตัน
  • สภาพบรรจุของถังดับเพลิงต้องไม่บุบ หรือบวม และไม่ขึ้นสนิม
  • อายุการใช้งาน ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง (ถังสีแดง) มีอายุประมาณ 5 ปี ชนิดฮาโลตรอนวัน (ถังสีเขียว) และชนิดก๊าซ CO2 มีอายุประมาณ 10 ปี
  • ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง (ถังสีแดง) หากมีการใช้งานแล้ว ต้องนำไปเติมสารเคมีใหม่ทุกครั้ง2.ตรวจ สายฉีด หัวฉีด อย่าให้มีผงอุดตัน เป็นประจำทุกเดือน

 

   อย่างไรก็ตามเราทุกคนควรทำความเข้าใจและรู้วิธีการป้องกันอัคคีภัยทั้งไม่ให้เกิดและเมื่อเกิดเหตุ พร้อมกับแยกแยะประเภทของไฟ สามารถประเมินสถานการณ์ได้ รวมถึงการควบคุมเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเกิดเหตุเราและทุกคนมีส่วนช่วยให้การช่วยเหลือได้ทั้งสิ้น

 

ขอขอบคุณข้อมูล : เซฟสิริ

บทความอื่นๆ

เทศกาลกินเจเริ่มแล้ว! คนที่กินเจต้องรู้อะไรบ้างทั้งข้อห้ามและสิ่งที่ต้องปฏิบัติ

เทศกาลกินเจเริ่มแล้ว! คนที่กินเจต้องรู้อะไรบ้างทั้งข้อห้ามและสิ่งที่ต้องปฏิบัติ

01/10/2024

เทศกาลกินเจในปี 2567 นี้ อยู่ระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567 การกินเจหรือในทางภาษาจีนคือ เจี๊ยะฉ่าย ซึ่งมีความหมายว่า “กินผัก” ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งเพียงแค่เราถือศีลกินเจ และงดอาหารบางอย่างเท่านั้นเป็นเวลา 10 วัน และสามารถทำได้ทันที สำหรับท่านใดที่ไม่มีเวลาไปทำบุญหรือเดินทางไปวัดก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกันนะครับ

อ่านต่อ
หน้าฝนและน้ำท่วมด้วยยิ่งต้องระวังกับโรคที่มาพร้อมกับน้ำ ดูแลตัวเองไม่ดีอาจเสี่ยงเป็นโรคได้

หน้าฝนและน้ำท่วมด้วยยิ่งต้องระวังกับโรคที่มาพร้อมกับน้ำ ดูแลตัวเองไม่ดีอาจเสี่ยงเป็นโรคได้

19/09/2024

โรคเหล่านี้เราสามารถลดความเสี่ยงที่จะติดโรได้ด้วยการดูแลสุขภาพของเราเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ พร้อมกับปฏิบัติตามแนวทางป้องการเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดต่อ และหากเรารู้สึกตัวว่ามีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันทีจะได้รักษาอย่างตรงจุด

อ่านต่อ
แบตก็จะหมด โทรศัพท์ก็อยากเล่น จะเป็นอันตรายหรือไม่? หากชาร์จไปเล่นไป

แบตก็จะหมด โทรศัพท์ก็อยากเล่น จะเป็นอันตรายหรือไม่? หากชาร์จไปเล่นไป

17/09/2024

การชาร์จโทรศัพท์ไปเล่นไปอาจไม่ได้ส่งผลต่อผู้ใช้โดยตรง แต่จะส่งผลต่อโทรศัพท์ของเราก็คือ แบตเตอรี่ ซึ่งการชาร์จไปเล่นไปจะส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อสภาพเร็วขึ้น เนื่องจากแบตเตอรี่ของโทรศัพท์เกิดจากการทำงานที่หนักขึ้นระหว่างการจ่ายไฟ ทำให้แบตเตอรี่ร้อนขึ้นซึ่งความร้อนนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขั้นนั่นเองครับ

อ่านต่อ
Uto