การดูแลรักษารถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ นอกจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหรือเช็กยางรถยนต์แล้ว การเช็กแบตเตอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะหากแบตเตอรี่เสื่อมหรือหมดโดยที่เราไม่รู้ตัว อาจทำให้เราสตาร์ทรถยังไงก็ไม่ติดหรือหากเลวร้ายไปกว่านั้นหากเกิดสตาร์ทไม่ติดกลางทางขึ้นมาจะทำอย่างไร?
วิธีรีเซ็ตไฟเตือนถ่ายน้ำมันเครื่องง่ายๆ ทำเองได้ไม่ต้องเข้าศูนย์ คลิก

ทำไมต้องเช็กแบตเตอรี่
แบตเตอรี่มีสภาพที่เสื่อมถอยลงตามการใช้งานยิ่งเฉพาะถ้าเราใช้ในเมืองบ่อยๆ ขับในระยะสั้นหรือจอดทิ้งไว้บ่อยๆ การเช็กแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นที่เราไม่ได้คาดคิด นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเงินค่าซ่อมหรือค่าเรียกรถลากจูงได้อีกด้วย

เครื่องทดสอบแบตเตอรี่
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดสภาพแบตเตอรี่ที่ยังสามารถเก็บไฟได้อยู่หรือไม่ และรวมไปถึงตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าพร้อมกับค่าความสามารถในการสตาร์ทรถ ซึ่งมีหลายแบบตั้งแต่รุ่นพกพาที่ใช้งานได้ง่ายๆ สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจนไปถึงเครื่องมืออาชีพที่ใช้ในศูนย์บริการ
เตรียมตัวก่อนเช็กแบตเตอรี่
- ปิดเครื่องยนต์และปลดกุญแจออก
- สวมถุงมือยางและแว่นตานิรภัย สวมใส่ไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
- ตรวจสอบแบตเตอรี่เบื้องต้น เช่น ดูว่ามีน้ำกรดรั่วซึมหรือขั้วแบตเตอรี่สกปรกหรือไม่
- เตรียมเครื่องทดสอบแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

รถเสียข้างทางเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แล้วแบบนี้สามารถโทรเรียกประกันได้หรือไม่? คลิก
วิธีเช็กแบตเตอรี่ด้วยเครื่องทดสอบแบตเตอรี่
เชื่อมต่อเครื่องทดสอบเข้ากับแบตเตอรี่
- นำคีบสายขั้วบวกที่เป็นสีแดงของเครื่องทดสอบหนีบเข้ากับขั้วบวกของแบตเตอรี่
- นำคีบสายขั้วลบที่เป็นสีดำหนีบกับขั้วลบของแบตเตอรี่
หมายเหตุ : ห้ามสลับขั้วเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เครื่องทดสอบหรือแบตเตอรี่เสียหายได้
อ่านค่าที่แสดงบนเครื่อง
- เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว เครื่องทดสอบแบตเตอรี่จะเริ่มแสดงผลลัพธ์ทันทีโดยค่าที่สำคัญมีดังนี้
- แรงดันไฟฟ้า (Voltage) ค่าปกติควรอยู่ระหว่าง 12.4V-12.7V ขณะที่เครื่องยนต์ดับ แต่ถ้าต่ำกว่า 12.4V อาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม
- CCA (Cold Cranking Amps) เปรียบเทียบค่าที่เครื่องวัดได้กับค่ามาตรฐานที่ระบุบนแบตเตอรี่ เช่น 500CCA ถ้าต่ำกว่ามากจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่
รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไร? รวมสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ไขด้วยตัวเองแบบละเอียด คลิก
ทดสอบขณะสตาร์ทรถ
- บางเครื่องสามารถให้เราทดสอบแรงดันขณะสตาร์ทรถได้ โดยสังเกตว่าขณะหมุนกุญแจสตาร์ท แรงดันไม่ควรตกต่ำเกินไป แรงดันขณะสตาร์ทไม่ควรต่ำกว่า 9.6V มิฉะนั้นแบตเตอรี่อาจเริ่มเสื่อมแล้ว
เคล็ดลับการดูแลแบตเตอรี่
- ตรวจเช็กระดับน้ำกลั่น (สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น) อย่างน้อยเดือนละครั้ง
- หมั่นทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ไม่ให้มีคราบเกลือหรือสนิมเกาะได้
- หากไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ ควรทำการสตาร์ทรถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งหรือถอดขั้วแบตออก
- หลีกเลี่ยงการเปิดไฟหน้าทิ้งเอาไว้เมื่อดับเครื่องยนต์ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วได้

จอดรถอยู่เฉยๆ แล้วโดนชน! ต้องทำอย่างไรและใครเป็นคนรับผิดชอบ? ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง คลิก
ควรมีติดไว้หรือไม่? เครื่องทดสอบแบตเตอรี่
ควรมี ยิ่งสำหรับผู้ที่ขับรถบ่อยๆ หรือต้องเดินทางไกลเป็นประจำ สำหรับเครื่องทดสอบแบตเตอรี่ขนาดพกพาจะช่วยให้เราเช็กสภาพแบตเตอรี่ได้อย่างทันทีที่สงสัยว่าอาจมีปัญหา เพื่อลดความเสี่ยงแบตเตอรี่ที่จะเสียแบบกระทันหัน นอกจากนี้เครื่องทดสอบรุ่นใหม่ๆ ยังมีฟังก์ชั่นเสริมอีกมากมาย
อย่างไรก็ตามการเช็กแบตเตอรี่ด้วยเครื่องทดสอบแบตเตอรี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายที่สามารถทำเองได้ที่บ้านหรือนอกบ้านเลย ควรหมั่นเช็กแบตเตอรี่อย่างน้อยทุกๆ 3-6 เดือน และเมื่อพบว่าสภาพแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมก็ควรทำการเปลี่ยนทันที เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถนั่นเองครับ
สำหรับท่านใดที่ต้องการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการที่ ยูไนเต็ด ฮอนด้า สามารถนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ช่องทาง Line : @unitedhonda Facebook : United Honda Automobile หรือโทร 02-432-2222 ได้เลยครับ