เช็กระดับฝุ่น PM 2.5 รุนแรงและอันตรายแค่ไหน? ป้องกันอย่างไรให้ปลอดภัย

เช็กระดับฝุ่น PM 2.5 รุนแรงและอันตรายแค่ไหน? ป้องกันอย่างไรให้ปลอดภัย

31/01/2025

   สภาพอากาศในช่วงนี้มีฝุ่น PM 2.5 เข้าปกคลุมพื้นที่จำนวนมาก การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่เราจะต้องใส่ใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งฝุ่น PM 2.5 จะมีระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป และถ้าหากช่วงไหนที่มีระดับที่สูงจะส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร หรือถ้าระดับที่น้อยๆ จะมีผลต่อร่างกายหรือไม่? เรามาดูกันครับว่า ฝุ่น PM 2.5 แบบไหนที่เรียกว่า “รุนแรง” รวมไปถึงเราจะต้องป้องกันตัวเองได้อย่างไร

 

PM 2.5 คืออะไร?

   สำหรับฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กมากๆ เล็กกว่าเส้นผมซะอีก ซึ่งความร้ายแรงของฝุ่นชนิดนี้เมื่อสามารถผ่านการกรองของขนจมูกและเข้าสู่ชั้นในสุดของปอดได้ แม้ว่าฝุ่นชนิดนี้จะไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายแบบเฉียบพลัน แต่ถ้าหากใช้เวลาสะสมเป็นจำนวนมากก็อาจส่งผลต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดนั่นเองครับ

6 โรคที่พบบ่อยในช่วงหน้าหนาวที่ต้องเฝ้าระวัง คลิก

 

ต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 คือ?

  • ไอเสียรถยนต์หรือการจราจร : จากข้อมูลโดยกรมควบคุมมลพิษ การเผาไหม้น้ำมันดีเซลบวกกับการจราจรที่ติดขัด ซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุด
  • ปล่องโรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า : การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลหรือเชื้อเพลิงที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะถ่านหิน
  • เผาไหม้ที่โล่งและในที่ไม่โล่ง : การเผาเศษวัสดุเหลือใช้ของภาคการเกษตรเพื่อเตรียมการเพาะปลูก การเผาป่า  และการเผาขยะ

หน้าฝนและน้ำท่วมด้วยยิ่งต้องระวังกับโรคที่มาพร้อมกับน้ำ ดูแลตัวเองไม่ดีอาจเสี่ยงเป็นโรคได้ คลิก

 

   นอกจากปัจจัยทางด้านการเผาไหม้เชื้อเพลิงแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝุ่นชนิดนี้ปกคลุมหนาแน่นเป็นพิเศษก็คือ “สภาพอากาศ” หากเป็นช่วงเวลาที่ลมสงบนิ่งบรรดาสารพิษทั้งหลายจะถูกสะสมเอาไว้ในชั้นบรรยากาศ เมื่อถึงเวลาที่ลมร้อนเริ่มพัดมาฝุ่นเหล่านี้จะถูกพัดให้ลอยสูงขึ้นไปด้วย และจะค่อยๆ จางหายไป จากนั้นจะเกิดการสะสมใหม่เมื่อลมสงบนิ่งอีกครั้ง

 

แบบไหนถึงเรียกว่า “รุนแรง”

   ตามมาตรฐานขององค์กรอนามัยโลก (WHO) โดยระดับของฝุ่น PM 2.5 ที่มีความเข้มข้นจะถูกแบ่งออกได้หลายระดับดังนี้

 

ระดับดี

   ในระดับนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งและท่องเที่ยวได้

ระดับปานกลาง

   ในระดับนี้มีผลกระทบเล็กน้อยในบางกลุ่มผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหอบหืด แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงยังสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ

ระดับไม่ดี

   ในระดับนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคทางเดินหายใจหรือโรคหัวใจ

ระดับไม่ปลอดภัย

   ในระดับนี้จะส่งผลกับกลุ่มผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ และอาจเริ่มมีผลกระทบต่อคนทั่วไปในระยะยาว

ระดับอันตราย

   ในระดับนี้จะมีละอองฝุ่นที่มีความเข้มข้นสูงมากๆ ซึ่งสามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพกับทุกคนทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ทำงานในที่เปิดเผย และควรหลีกลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง

"โรคตาแดง" ต้องระวัง! ในช่วงหน้าฝนหรือสถานการณ์น้ำท่วมก็เสี่ยง คลิก

 

ทำไม? ถึงรุนแรงกว่าฝุ่นชนิดอื่น

  • มีขนาดเล็ก : เนื่องจากขนาดของฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมากๆ เล็กกว่าฝุ่นทั่วไป จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายๆ เลย โดยเฉพาะปอดและกระแสเลือด จึงทำให้เป็นอันตรายมากกว่าฝุ่นที่มีขนาดใหญ่
  • สะสมในร่างกายได้ง่าย : ด้วยขนาดของฝุ่นที่เล็กมากและลอยในอากาศได้นาน ทำให้การสูดดมฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างต่อเนื่องทำให้สามารถฝุ่นเหล่านี้สามารถสะสมในร่างกายของเราได้
  • กิจกรรมของมนุษย์ : ฝุ่น PM 2.5 ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการกระทำหรือกิจกรรมของมนุษย์นั่นเอง เช่น การเผาไหม้ของรถยนต์ โรงงาน การเผาพืชในพื้นที่เกษตรกรรม เป็นต้น

 

ผลกระทบต่อสุขภาพ

ในระดับที่มีฝุ่น PM 2.5 สูง อาจจะมีอาการสุขภาพต่างๆ

  • หายใจลำบาก หายใจไม่สะดวก
  • คันตา น้ำตาไหล อาการระคายเคืองทั้งตาและคอ
  • ไอ มีเสมหะ
  • อาจทำให้เกิดภาวะหอบหืด โรคปอด

 

ทำให้เกิดโรคต่างๆ

   จากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ในระยะเวลายาวอาจทำให้เกิดโรคที่รุนแรงขึ้นได้

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด : การที่เราสูดดมฝุ่นเป็นจำนวนมากเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ เช่น ภาวะหลอดเลือดตีบตัน หรือโรคหัวใจขาดเลือด
  • มะเร็งปอด : เมื่อถูกสะสมเป็นจำนวนมากอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดได้
  • โรคหลอดเลือดสมอง : หากมีการสูดดมฝุ่นอย่างต่อเนื่องอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
  • ระบบทางเดินหายใจ : มีอาการหอบหืด การอักเสบของปอด หรือภาวะทางเดินหายใจ

 

เสี่ยง! กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5

"สู้แดด' ให้แดดไม่สู้กลับ! รวมอุปกรณ์สู้แดด คลิก

ระบาด! ไวรัส hMPV อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ,โควิด และRSV เด็กเล็กต้องระวัง คลิก

 

  • เด็กเล็ก : เนื่องจากร่างกายของเด็กเล็กยังไม่แข็งแรง ทำให้ได้รับผลกระทบจากฝุ่นได้
  • ผู้สูงอายุ : ผู้สูงอายุในวัยนี้มักจะมีภาวะสุขภาพที่อ่อนแอกว่า จึงทำให้ได้รับผลกระทบได้ง่าย
  • หญิงตั้งครรภ์ : ด้วยความที่มีทารกอยู่ในครรภ์ที่น้อยกว่า 6 เดือน อาจส่งผลต่อการพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ เสี่ยงที่จะเกิดครรภ์เป็นพิษ ภาวะคลอดก่อนกำหนด เกิดอาการหอบหืดได้
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว : เช่น โรคหอบหืด โรคปอด โรคหัวใจ ซึ่งการมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากฝุ่นได้มากขึ้น
  • คนที่ทำงานกลางแจ้ง : เช่น คนขับรถ คนที่ทำงานในสถานที่ที่มีมลพิษสูง ควรใช้มาตรการป้องกันตัวเองที่เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ

 

เช็กค่า PM 2.5 ได้ที่ไหน?

  • แอปพลิเคชัน : ตัวอย่างแอป AirVisual, Air4Thai, BreezoMeter, เช็คฝุ่น (พัฒนาโดย GISTDA) สำหรับแอปพลิเคชันจะสะดวก รวดเร็ว และอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐ : ตัวอย่างเว็บไซต์ กรมควบคุมมลพิษ, กรมอุตุนิยมวิทยา สำหรับเว็บไซต์มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นทางการ
  • ข่าวสารต่างๆ : จะได้รับข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในวงกว้าง

อากาศร้อนแบบนี้ต้องระวังฮีทสโตรก เสี่ยงเสียชีวิตได้ คลิก

 

วิธีการป้องกันตนเอง

  • สวมหน้ากากอนามัย : เลือกใช้หน้ากากอนามัย N95 ที่สามารถกรองฝุ่นได้ดีกว่าหน้ากากทั่วไป
  • ปรับปรุงสภาพอากาศภายในบ้าน : ภายในบ้านหรืออาคารควรมีการระบายอากาศ และทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับหลีกเลี่ยงการออกไปข้างหากไม่จำเป็น แต่ถ้าจำเป็นต้องออกไปข้างนอกควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศ : เลือกใช้เครื่องฟอกอากาศหรือติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยลดฝุ่นละอองภายในบ้าน และควรมีการล้างแผ่นกรองตามความถี่ของการใช้อุปกรณ์
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ : การดื่มน้ำจะช่วยให้ระบบทางเดินหายใจชุ่มชื้น ช่วยลดอาการระคายเคืองจากฝุ่น
  • ออกกำลังกายในอาคาร : สำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแนะนำให้ออกกำลังกายในที่ร่ม เช่น ยิม ภายในบ้านที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
  • สังเกตอาการเตือนของร่างกาย : หากเริ่มรู้สึกเจ็บคอ หายใจลำบาก มีอาการไอ ควรพักผ่อนในที่อากาศสะอาด และหากไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายครับ

โรคหน้าร้อน ที่อันตรายต้องระวัง มีกี่โรคและวิธีป้องกันมีอะไรบ้างนะ คลิก

   สำหรับฝุ่น PM 2.5 เป็นภัยที่สามารถทำร้ายสุขภาพได้แบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งในช่วงที่ระดับความเข้มข้นสูงถึงขั้นอันตรายยิ่งต้องระวัง ฉะนั้นควรมีการติดตามของข้อมูลระดับ PM 2.5 อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับป้องกันตัวเองและคนรอบข้างในช่วงที่มีฝุ่น อย่างไรก็ตามไม่ว่าฝุ่นจะอยู่ในระดับไหนก็ควรป้องกันและดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี

บทความอื่นๆ

ประกันรถยนต์ มีความจำเป็นขนาดไหน ประกันภัยไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่คือความจำเป็น

ประกันรถยนต์ มีความจำเป็นขนาดไหน ประกันภัยไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่คือความจำเป็น

17/12/2025

ชนจริง เจ็บจริง ชีวิตจริงไม่ใช่คอนเทนต์ ในโลกออนไลน์ เราอาจเห็นคลิปอุบัติเหตุผ่านตาอยู่บ่อยครั้ง บางคลิปถูกตัดต่อให้ดูเหมือนเรื่องไกลตัว เป็นเพียงคอนเทนต์ที่เลื่อนผ่านแล้วก็จบ แต่ในชีวิตจริง… อุบัติเหตุไม่เคยเลือกเวลา ไม่เลือกสถานที่ และไม่เลือกใคร แค่เสี้ยววินาทีจากความประมาท รถเฉี่ยว ชน ล้ม หรือพลาดพลั้งเพียงนิดเดียว อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตได้ทันที ไม่ใช่แค่รถพัง แต่หมายถึง ค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียเวลา ค่าซ่อม ค่าชดเชย และความกังวลที่ตามมา

อ่านต่อ
พายุวิภามาแล้ว! ส่งผลกระทบกับเราหรือไม่ พร้อมวิธีรับมือแบบไม่ประมาท

พายุวิภามาแล้ว! ส่งผลกระทบกับเราหรือไม่ พร้อมวิธีรับมือแบบไม่ประมาท

23/07/2025

ช่วงฤดูฝนในประเทศไทย มักมาพร้อมกับพายุที่อาจสร้างผลกระทบทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน หนึ่งในพายุที่หลายคนเริ่มได้ยินชื่อกันบ่อยขึ้นในข่าว คือ “พายุวิภา” ซึ่งแม้ไม่ใช่พายุขนาดใหญ่ที่สุด แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายได้หากไม่เตรียมพร้อม มารู้จักพายุวิภาให้มากขึ้น พร้อมวิธีรับมือและคำแนะนำสำคัญ เพื่อความปลอดภัยทั้งของคุณและรถยนต์ของคุณ “พายุวิภา” เป็นพายุโซนร้อนที่มีชื่อจากประเทศไทย โดยคำว่า “วิภา” หมายถึง “แสงสว่าง” หรือ “ผู้มีปัญญา” แม้ชื่อจะฟังดูดี แต่พายุลูกนี้อาจส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันของเราไม่น้อย…

อ่านต่อ
ทำไม? ยังมีอาการเวียนหัวไม่หายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว อาการแบบนี้ปกติหรือไม่และวิธีแก้ต้องทำอย่างไร

ทำไม? ยังมีอาการเวียนหัวไม่หายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว อาการแบบนี้ปกติหรือไม่และวิธีแก้ต้องทำอย่างไร

31/03/2025

เกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศไทยในหลายจังหวัดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ สร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีตึกและตามอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามหากท่านใดที่มีอาการเวียนหัวหรืออาการเมาหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว สิ่งแรกที่ต้องปฏิบัติก็คือหลีกเลี่ยงการเดินหรือการเคลื่อนไหวเร็วก่อนนะครับ หาที่นั่งพักในที่ที่ปลอดภัย พร้อมกับดื่มน้ำเพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถปรับสมดุล แต่ถ้าหากมีอาการเป็นเวลานานเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรงเช่น เวียนหัวจนล้ม คลื่นไส้อาเจียนตลอดเวลา ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการเพิ่มเติมนะครับ หากมีข้อสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สามธารณสุขได้ทันทีที่ สายด่วนสุขภาพ 1669 และสายด่วนสุขภาพจิต 1323

อ่านต่อ
Uto