อาการหลับในเป็นอาการที่สับสนระหว่างการหลับและการตื่น โดยการหลับจะเข้ามาแทรกการตื่นอย่างเฉียบพลันโดยที่เราไม่รู้ตัวในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1-2 วินาที สำหรับอาการหลับในมักจะเกิดจากการ
- อดนอน
- นอนไม่เป็นเวลา
- เวลาเข้านอนที่เปลี่ยนไปมา
การอดนอนหรือการนอนน้อยหรือนอนไม่เพียงพอ ต่ำกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลับใน เพราะสมองอาจหยุดทำงานสั้นๆ ในชั่วคราว ส่งผลให้เกิดความง่วงกะทันหันทำให้งีบหลับไม่รู้ตัว ไม่ตอบสนองต่อการรับรู้สิ่งใดในภาวะหลับในได้ และหากอดนอนจนเรื้อรังในระยะยาวอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหลอดเลือดสมองตีบ
การนอนไม่เป็นเวลา นอนดึกตื่นสาย ส่งผลเสียต่อร่างกายก็คือฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง รู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่เต็มอิ่มอย่างการเข้านอนตี 4 ตื่นนอนเที่ยงวัน ซึ่งคุณภาพการนอนก็จะไม่ดีเท่ากับการเข้านอนตอน 4 ทุ่ม แล้วตื่นนอน 6 โมงเช้า เป็นต้น
เวลาเข้านอนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะทำให้ส่งผลให้สมองและเกิดความเสื่อมได้ เพราะโดยปกติแล้วสมองจะจำเวลานอนและเกิดความง่วงในเวลานั้นๆ ถ้าเปลี่ยนเวลาเข้านอนบ่อยๆ จะทำให้เวลานอนไม่ง่วง นอนน้อยลง หลับไม่เต็มอิ่ม
ง่วงนอนขณะขับขี่ อันตราย! 5 วิธีแก้ง่วงเมื่อต้องเดินทางไกล คลิก
ครั้งแรก! กับการขับรถทางไกล จะต้องเช็กอะไรบ้างก่อนออกเดินทาง คลิก
ขอขอบคุณช่อง : Ch7HDNews
สัญญาณเตือน!
“หลับใน” เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หากเริ่มมีอาการอย่าชะล่าใจหรือฝืนขับต่อนะครับ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- หาวบ่อย และหาวอย่างตื่อเนื่อง
- ใจลอยไม่มีสมาธิ
- รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด กระวนกระวาย
- รู้สึกจำไม่ได้ว่าขับผ่านอะไรมาในช่วง 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา
- กระพริบตาถี่ๆ รู้สึกหนักตา ลืมตาไม่ขึ้น ตาปรือ มองเห็นภาพไม่ชัด
- รู้สึกมึนๆ หนักศีรษะ
- ขับรถส่ายไปมา ออกนอนเส้นทาง
- มองข้ามหรือมองไม่ชัดสัญญาณไฟและป้ายจราจร
ใช้ผิดอาจเกิดอุบัติเหตุได้ หยุด! พฤติกรรมการใช้ไฟฉุกเฉินโดยไม่จำเป็น คลิก
ป้องกัน
นอนให้เพียงพอ สำหรับจำนวนชั่วโมงที่เหมาะสมก็คือ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ยิ่งเฉพาะในเวลาที่จะต้องออกเดินทางไกลยิ่งควรพักผ่อนให้เพียงพอติดต่อกันอย่างน้อย 2-3 คืนขึ้นไปก่อนออกเดินทาง
นอนเป็นเวลา ช่วงเวลาที่เหมาะสมก็คือช่วง 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน เพื่อให้โกรธฮอร์โมนที่ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและส่งเสริมการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งจะหลั่งในช่วงตี 2 จนถึงตี 4 จะทำงานได้ดี เพราะฉะนั้นในช่วงใกล้ 3 ทุ่มควรจะฝึกตัวเองให้นอนพักผ่อนและเตรียมเข้านอนนะครับ
นอนเวลาเดิมอย่างสม่ำเสมอ พยายามเข้านอนและตื่นนอนในช่วงเวลาเดียวกันทุกๆ วัน จะช่วยให้การนอนหลับเต็มอิ่มนั่นเองครับ
งดดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่างเช่น โกโก้ กาแฟหรือชา หลังจาก 4 โมงเย็นไปแล้วครับ เพราะจะทำให้นอนไม่หลับหรือหลับได้ไม่ลึบ จะส่งผลให้ตื่นมาแล้วไม่รู้สึดสดชื่น
หลอดไฟสีส้ม สำหรับในห้องนอนควรเลือกหลอดไฟที่มีสีส้มเพราะจะได้ไม่รบกวนดวงตา ช่วยให้ผ่อนคลายและหลับได้ง่ายมากขึ้น
อุณหภูมิห้องนอนควรอยู่ระหว่าง 25-26 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป จะช่วยให้ไม่ตื่นมากลางดึก ทำให้หลับสนิทได้อย่างต่อเนื่อง
บรรทุกของเกินขนาด ต้องระวัง! ไม่ปลอดภัยและผิดกฎหมาย คลิก
ขับรถแล้วหลับใน
การเดินทางไกลแล้วต้องขับรถคนเดียวโดยไม่มีการสลับคนขับ ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าของร่างกาย สำหรับผู้ขับขี่นั้นจะต้องคอยจอดพักคันและรถทุกๆ 2 ชั่วโมง พร้อมกับงีบพักประมาณ 5-45 นาที หรือจะพักโดยการเดินไปมาเพื่อยืดเส้นเพื่อคลายความเหนื่อยล้า แต่จะต้องเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยด้วยนะครับ
นอกจากนี้ระหว่างเดินทางไม่ควรทางยาที่ทำให้ง่วงอย่างเช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้ปวด ยาคลายเครียด เป็นต้น ให้ยาขนมหรือลูกอมที่ทำให้ตื่นและสดชื่นมาทานแทนพวกขนมเปรี้ยวๆ
จอดพักรถก่อนที่จะเกิดอันตราย! ยิ่งขับไกลยิ่งต้องจอดพัก คลิก
แสบตาในขณะที่ขับขี่ ลดแสงรบกวนด้วยกระจกมองหลังตัดแสง คลิก
ภาวะการหลับในในขณะขับรถเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะครับ มากไปกว่านั้นถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมานอกจากเราที่เจ็บแล้ว เพื่อนร่วมทางก็มาเจ็บกับเราด้วย ฉะนั้นควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนที่จะเดินทางจะได้ปลอดภัยทั้งเราและเพื่อนร่วมทางครับ
จอดรถใต้ต้นไม้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย! ส่งผลร้ายมากกว่าที่คิด คลิก